วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

ม่านมนตรา ๑


Literature

โดย ชลนิล

บทนำเรื่อง

สนามหญ้ากว้าง เรียบ เพิ่งตัดเล็มมาไม่นาน ตะแบกใหญ่ด้านหลังกำลังผลิดอกสีม่วงอ่อน ลานหญ้าถูกประโปรยด้วยกลีบสีม่วงนุ่มละไม เหนือขึ้นไปเป็นชิงช้าผูกกับกิ่งตะแบก

ชิงช้ากำลังกวัดแกว่ง เด็กผู้หญิงกระโปรงบานฟูสีชมพูใสนั่งเล่นชิงช้าอย่างเพลิดเพลิน ใบหน้าเล็กๆ แฝงรอยยิ้มรื่นรมย์ คอเอียงน้อยๆ เหมือนคอยฟังเสียงบางอย่าง สักครู่เธอยิ้มและขยับริมฝีปากโต้ตอบ

ลมพัดเบาๆ กลีบดอกตะแบกร่วงพรูราวสายฝน รอบกายเด็กหญิงถูกห่อด้วยม่านสีม่วงของดอกตะแบก เด็กน้อยหัวเราะ พยักหน้าเป็นเชิงยอมรับ ท่าทางเหมือนกำลังสนทนากับใครบางคน แต่ทว่าบริเวณสนามหญ้า ไม่มีบุคคลอื่นอยู่อีกเลย

ลึกจากสนามหญ้าและต้นไม้ต่างๆ เข้าไป จะเห็นบ้านไม้สองชั้นขนาดใหญ่ ลักษณะ รูปทรงและเนื้อไม้ บอกถึงอายุอันยาวนาน

บนชั้นสอง หน้าต่างทุกบานเปิดโล่ง เผยให้เห็นห้องกว้าง ตรงกลางตั้งโต๊ะไม้สักตัวใหญ่ รอบด้านเต็มไปด้วยชั้นหนังสือเรียงชิดผนัง บรรยากาศในห้องแฝงความกดดัน อับทึบ ผู้คนรอบโต๊ะมีสีหน้าเครียด คิ้วขมวดย่น บางคนลอบถอนใจอย่างเหนื่อยหน่าย บางคนมีสีหน้าไม่พอใจ

บนเก้าอี้ตัวใหญ่สุดปลายโต๊ะ เด็กหนุ่มร่างผอม หุ่นเก้งก้างซุกตัวเงียบๆ ขนาดของเก้าอี้ข่มร่างผอมบางให้ยิ่งเล็กลงไปอีก ทว่านัยน์ตาเด็กหนุ่มจับจ้องยังผู้ใหญ่ทุกคนที่กำลังถกเถียงอย่างเอาเป็นเอาตาย หูรับฟังทุกคำพูด มือประสานบนโต๊ะท่าทางไม่ผิดผู้ใหญ่คนหนึ่ง

อะไรกัน ทัตกับนวลตายไปไม่ทันไร พวกแกก็คิดแต่จะฮุบสมบัติหลานอย่างเดียว ไม่คิดจะดูแลหลานกันบ้างหรือไง

ไม่ใช่ฮุบสมบัติค่ะพี่ แต่เราจะช่วยดูแลให้ ตามัคแกยังเด็กจะทำอะไรได้

แต่ที่ฉันเรียกพวกแกมาวันนี้ ก็เพื่อตกลงกันว่าใครจะรับดูแลหลาน ไม่ใช่สมบัติของหลาน

โธ่...พี่ครับ ผมก็มีครอบครัว ลูกๆ ผมก็มี ถ้าผมเอาไปเลี้ยงแล้วให้ความรักแกไม่พอ พี่ก็จะมาว่าผมได้ ว่าเลี้ยงหลานให้มีปัญหาอีก

สรุปว่าแกไม่รับ

ว่าอย่างนั้นก็ได้ครับพี่

งั้นไปได้แล้ว


ตอนนี้เหลือแกกับฉันแล้วยายณี จะเอายังไง แกยังไม่มีลูก จะใช้เหตุผลเดียวกับธนาคงไม่ได้แล้วนะ

หนูบอกแล้วไงคะ จะให้หนูรับตามัคไว้ก็ได้ แต่สิทธิ์ในการบริหารโรงงานของพี่ทัต ต้องให้แฟนหนูทำ และหนูต้องเป็นผู้จัดการมรดกทั้งหมดของหลานด้วย

คิดว่าฉันไม่รู้หรือไง ว่าทั้งแก ทั้งผัวแกมันเป็นเสือหิวแค่ไหน ขืนให้สมบัติของหลานไป มันก็จะไม่เหลือ

ถ้าพี่ไม่เชื่อใจหนู พี่ก็รับเลี้ยงหลานเองซี่ สมบัติเงินทองของพี่ก็มีมากมาย กะอีแค่เลี้ยงหลานคนเดียว ทำไมจะทำไม่ได้

หลานของเรามีสองคนนะยายณี

โอ้ยหนูไม่เคยนับอีนังเด็กที่พี่นวลเขาเก็บมาเลี้ยงนั่นมาเป็นหลานหรอกค่ะ

ปีกแก้วเป็นน้องของผม

มรรคา เด็กหนุ่มที่นั่งเงียบมาตลอดโพล่งขึ้น นัยน์ตาโตคมดุฉายแวววับ มือเท้าโต๊ะยันร่างขึ้น น้ำเสียงที่ตามมาแฝงความดื้อรั้น เด็ดเดี่ยว

ผมโตแล้ว เลี้ยงน้องเองได้ ไม่ต้องรบกวนคุณลุงคุณอาให้เดือดร้อนหรอกครับ ส่วนสมบัติของพ่อผม มันก็ไม่มากมายอะไร น้อยกว่าคุณลุงคุณอาหลายเท่า ตอนนี้ผมไม่มีปัญญาดูแลมัน ถ้าคุณอาอยากได้ และไม่ละอายใจก็เอาไปเถอะครับ

จบคำพูด ทุกคนต่างนิ่งอั้น ความเงียบปกคลุมเหมือนหมอกหนาหนัก ทุกคนอึดอัด ไม่สามารถพูด ไม่กล้าขยับตัว ความกดดันกำลังแผ่ซ่านไปทุกอณูบรรยากาศ...จนกระทั่ง

ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก... เสียงนี้ทำให้คนขวัญอ่อนสะดุ้งได้

ประตูบานใหญ่ค่อยๆ แง้ม เด็กหญิงกระโปรงบานสีชมพูเยี่ยมหน้าใสๆ เข้ามา นัยน์ตากลมโตดำขลับ ทอประกายไร้เดียงสา รอยยิ้มกึ่งกล้ากึ่งขลาดเผยขึ้น ก่อนจะแทรกตัวเข้ามาในห้อง

บรรยากาศมัวซัวกระจายหาย สายตาทุกคู่จับอยู่ที่อาคันตุกะตัวน้อย

มีอะไรหรือจ๊ะแก้ว น้ำเสียงเด็กหนุ่มเปลี่ยนเป็นนุ่มนวล

ออกไปซะ ผู้ใหญ่เขาจะคุยกัน เสียงแหวๆ ของหญิงสาวดังขึ้น

เด็กหนุ่มตวัดสายตาคมดุผ่านหล่อนชั่วแวบ แล้วขยับตัวจากเก้าอี้ลงไปหาน้องสาว

คุณอาสุณีเลี้ยงหนูกับพี่มัคไม่ได้หรอกค่ะ เด็กหญิงพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม บริษัทของคุณอาจะถูกเทกโอเวอร์อยู่แล้ว ส่วนเงินที่คุณอาผู้ชายบอกว่าเอาไปเล่นหุ้นนั้น จริงๆ แล้ว เอาไปให้คุณอาผู้หญิงอีกคนต่างหาก

อีเด็กบ้า เสียงกรี๊ดพร้อมกับเจ้าของร่างทะลึ่งพรวดจะคว้าตัวเด็กน้อย

ยายณี เสียงหนักๆ ดังขึ้น ร่างสูงใหญ่ยืนบังเด็กทั้งสองได้ทัน

คุณพี่ฟังดูสิคะ เด็กตัวแค่นี้ ไปเอาคำพูดพวกนี้มาจากไหนกัน

แล้วมันจริงมั้ย ที่ว่าบริษัทแกจะถูกเทกโอเวอร์

คำถามพร้อมสายตาคาดคั้น

หญิงสาวก้มหน้างุด ไม่มีคำตอบ

งั้นเรื่องที่สองก็คงจะจริง แกมันกลัวผัวซะจนไม่กล้าว่าอะไร คงรู้เหมือนกันละสิ ว่ามันไปมีเมียน้อย

หยาดน้ำปริ่มขอบตาหญิงสาวและเริ่มไหลลงมาช้าๆ อีกฝ่ายได้แต่ถอนใจ

แกไปเถอะ เรื่องบริษัท ฉันจะช่วยดูๆ ให้

คำพูดสั้นๆ แต่หมายถึงการก้าวเข้าไปรับผิดชอบโดยตรง


ปีกแก้ว หนูบอกลุงได้มั้ยจ๊ะ ว่าหนูเอาเรื่องพวกนี้มาจากไหน

คำถามถูกตั้งขึ้นเมื่อในห้องมีเพียง เด็กหนุ่ม เด็กหญิง และผู้เป็นลุง

คุณลุงก็รับหนูกับพี่มัคไปอยู่บ้านไม่ได้ เด็กหญิงพูดต่อโดยไม่สนใจคำถาม คุณป้าเกลียดแม่ของหนู คุณป้าเกลียดพี่มัค คุณป้าเกลียดหนู

คำพูดจากปากน้อยๆ ไหลพรูราวกับท่องจำ

แก้ว...พูดอะไรน่ะ เด็กหนุ่มอุทานอย่างตกใจ

จริงมั้ยคะ เด็กหญิงเงยหน้าถามลุง

ผู้สูงวัยกว่าพยักหน้าอย่างจำยอม นี่เป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้เขาจัดประชุมพี่น้องเพื่อหาผู้รับภาระดูแลหลานกำพร้า

ปีกแก้ว หนูเอาเรื่องพวกนี้มาจากไหน เขารู้ดีว่า คนในบ้านไม่กล้าสอนให้เด็กหญิงพูดเช่นนี้แน่

คุณอาเล่าให้ฟังค่ะ เด็กหญิงยิ้มแก้มปริ

คุณอาคนไหน หรือว่าอาธนา เขานึกถึงน้องชายคนที่ไม่ยอมรับภาระหลาน

ไม่ใช่ค่ะ เป็นอาผู้ชาย ใส่ชุดสีขาว สว่างๆ

สองชายต่างวัยมองหน้ากันอย่างพิศวง มั่นใจว่าในบ้านไม่มีคนลักษณะเช่นนี้ และคงไม่มีใครแอบเข้าบ้านโดยพวกเขาไม่รู้ได้

มรรคาจับไหล่น้องสาว ก้มตัวลง นัยน์ตาจ้องลึกเข้าไปในดวงตาไร้เดียงสา รอยยิ้มที่นานๆ จะมีสักครั้งจุดประกายขึ้น

แก้วจ๊ะ...น้องบอกพี่สิว่า คุณอาคนนั้นพูดอะไรอีกบ้าง

เด็กหญิงยิ้มแจ่มใส คล้ายกำลังรอคำถามนี้อยู่เช่นกัน

คุณอาบอกว่า ให้พวกเราอยู่บ้านคุณพ่อคุณแม่อย่างเดิมก็ได้ คุณลุงแค่คอยดูแลห่างๆ ก็พอ พี่มัคเขาเก่งออก ทำไมจะเลี้ยงน้องคนเดียวไม่ได้ คอยดูเถอะ อีกไม่นาน พี่มัคจะทำให้ทั้งมนุษย์และเทวะ ต้องยอมรับ!”

 

บริเวณนั้นเป็นดงไม้โปร่ง สลับกับเนินดินโล่งๆ แซมหญ้าประปราย กินเนื้อที่กว้างขวางจนเห็นทิวเขาอยู่ลิบๆ รถแลนด์โรเวอร์คันใหญ่สีขะมุกขะมอมจอดอยู่ริมถนนลูกรัง ฝุ่นแดงๆ จับเต็มตามตัวรถ ชายกลุ่มหนึ่งกำลังยืนชี้มือไปยังผืนดินเบื้องหน้า

ทั้งหมดนี่ ร้อยห้าสิบไร่ใช่มั้ย คำถามจากชายหนุ่มที่ยืนเด่นสะดุดตากว่าคนอื่น

ใช่ครับคุณมัค คำตอบพร้อมกับอธิบายเสริม ทางทิศเหนือที่เราเห็นนี่ยาวจดเกือบถึงเชิงเขา ทิศตะวันออกติดกับแม่น้ำ ทิศตะวันตกติดกับที่ว่างแปลงใหญ่อีกแปลง เห็นว่าเป็นของนายอำเภอ ส่วนทางทิศใต้ติดกับถนนที่เรายืนอยู่ครับ

มรรคาถอดแว่นกันแดดแล้วพิจารณาแผนที่ในมือผู้ช่วย ก่อนหันไปยังที่ว่างตรงหน้าอีกที

เขาจะเริ่มทำถนนเมื่อไหร่

ปลายปีนี้ครับ จากนั้นสาธารณูปโภคต่างๆ ก็จะตามมา

นิคมอุตสาหกรรมลงที่นี่เมื่อไหร่ แถวนี้คงคึกคักน่าดู ผู้ช่วยอีกคนกล่าว

ชายหนุ่มพยักหน้า ละสายตาจากที่ดินข้างหน้ามามองชายคนถือแผนที่

ไปเดินสำรวจกับผมหน่อย คุณประสิทธิ์ สิ้นคำสั่ง เขาสวมแว่นกันแดดตามเดิม พร้อมก้าวลงจากริมถนนฝ่าพงหญ้าไปยังดงไม้ข้างหน้า

ประสิทธิ์รีบตามทันที ส่วนที่เหลือได้แต่ยืนคุยฆ่าเวลา รู้ดีว่าถ้ามรรคาต้องการให้ใครตาม เขาจะหมายถึงคนนั้นผู้เดียว คนอื่นไม่เกี่ยว

มรรคาผ่อนฝีเท้ารอผู้ช่วย ตะวันบ่ายแผดแสงเจิดจ้าอยู่ท่ามกลางฟ้าใสปราศจากเมฆ เขาปาดเหงื่อบนหน้าผากขณะชี้มือไปยังดงไม้

ถ้าโรงงานเรามาตั้งที่นี่ ดงไม้ข้างหน้าคงไม่เหลือ เขาเปรย

ครับ ประสิทธิ์รับคำ แต่มันก็เป็นไม้ที่ไม่มีราคาค่างวดอะไร พวกไม้เต็ง ไม้รัง ไม้สักดีๆ ถูกตัดไม่เหลือนานแล้วครับ

คุณลุงท่านกว้านซื้อที่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ มรรคาถาม

สองสามปีแล้วครับ ก่อนที่ทางรัฐบาลมีโครงการให้อำเภอนี้เป็นนิคมอุตสาหกรรม

ชายหนุ่มเงียบ สายตามองดงไม้ข้างหน้าด้วยความรู้สึกคุ้นเคย บางสิ่งในนั้นกระตุ้นและเรียกร้องให้เขาเข้าไปหา

...มาสิ...เข้ามา...ข้ากำลังรอ...รอมาเนิ่นนาน...

คุณมัค เสียงของประสิทธิ์ทำให้เขารู้สึกตัว จะเข้าไปในนั้นจริงๆ หรือครับ

ชายหนุ่มพยักหน้า แล้วก้าวสวบๆ รวดเร็วจนผู้ช่วยได้แต่ลอบถอนใจ มรรคาเป็นเจ้านายที่ไม่ค่อยพูดมากก็จริง แต่เวลาจะทำอะไรขึ้นมาที ลูกน้องเช่นเขายังแทบตามไม่ทัน

ดงไม้ที่เห็นจากริมถนนว่าไม่กว้างนัก พอเดินมาถึงจึงพบว่ามันกินอาณาเขตมากกว่าที่คิด แม้ไม่มีไม้ใหญ่ๆ เหลือแต่ต้นไม้บางต้นก็มีอายุนับสิบปีได้ ฝูงนกต่างทำรังหาอาหารเต็มไปหมด พอมีคนเข้ามาก็บินหนีกันพึ่บพั่บ เสียงร้องดังเซ็งแซ่


เมื่อล่วงเข้าสู่ดงไม้ มรรคารู้สึกคล้ายแสงแดดจะอ่อนลง ไม่ผิดตะวันยามเย็น รอบตัวแฝงด้วยกลิ่นอายแปลกๆ เป็นความเย็นยะเยือกที่ซ่อนเร้นเจตนาแรงกล้าบางอย่าง

ประสิทธิ์ตามมาทีหลัง แต่ประสาทรับรู้ก็บอกไม่ต่างจากมรรคา

บรรยากาศมันชักแปลกๆ นะครับ เขาเอ่ยหวั่นๆ

ต้นไม้ด้านในไม่หนาทึบแต่เต็มไปด้วยวัชพืชและไม้ล้มลุก มีทางเดินเล็กๆ ซึ่งอาจเป็นเส้นทางของพวกตัดไม้เผาถ่านใช้กัน

ประสิทธิ์ คุณพอจะรู้มั้ย ว่าเจ้าของเดิมที่นี่เป็นใคร มรรคาหันมาถาม

พวกชาวบ้านนี่แหละครับ บอกไม่ได้ว่าใครบ้าง เพราะท่านกว้านซื้อจากหลายคนจนได้ที่แปลงใหญ่นี้ขึ้นมา

มรรคาเดินตามทางเล็กๆ จนลึกเข้าไปเรื่อยๆ ผู้ติดตามเริ่มอึดอัด สะบัดร้อนสะบัดหนาว เหมือนมีคนคอยจับตามองเขม็งทุกฝีก้าว

แล้วประวัติของที่แถวนี้ล่ะ ชายหนุ่มถามเรื่อยๆ

เท่าที่ผมทราบ ประสิทธิ์พยายามนึกทบทวน แต่เดิมที่นี่เป็นป่าทึบ เพิ่งจะมีคนมาจับจองเป็นที่ทำกินเมื่อสักยี่สิบ สามสิบปีก่อนนี่เอง ประวัติที่ลึกกว่านั้นคงต้องถามชาวบ้านแถวนี้ดูครับ

ถนนลูกรังก็เพิ่งตัดเข้ามาใช่มั้ย

ครับ เมื่อ ๕-๖ ปีก่อนนี่เอง เห็นเขาว่าแต่ก่อนมีแค่ทางเกวียนเท่านั้น

เจริญเร็วมากนะ มรรคาพูด

คงเพราะอยู่ใกล้แม่น้ำนั่นแหละครับ อีกอย่างตอนนี้ถ้าขับรถมาจากกรุงเทพฯ ก็ใช้เวลา ๓-๔ ชั่วโมงเท่านั้นไม่นับว่าไกลมาก

มรรคาชะงักฝีเท้าสายตาปะทะเข้ากับสิ่งบางอย่าง ประสิทธิ์หยุดอยู่เบื้องหลัง เขาไม่รู้ว่าเจ้านายสนใจอะไรเป็นพิเศษ สำหรับเขาดงไม้นี้มีแต่ต้นไม้ ต้นหญ้า ไม่มีสิ่งสะดุดตาอื่นๆ จะมีก็แค่บรรยากาศแปลกๆ ที่ทำให้ตะครั่นตะครอใจอยากออกไปเร็วๆ


ชายหนุ่มถอดแว่นกันแดดออก สาวเท้าช้าๆ ฝ่าหญ้าสูงๆ ไปยังไทรต้นหนึ่ง ลำต้นของมันไม่ใหญ่นัก สูงไม่กี่เมตร แผ่กิ่งก้านสาขาคล้ายร่มขนาดใหญ่ รากไทรห้อยระย้าราวกับม่านธรรมชาติ

เขาปัดม่านไทรออกแล้วก้าวสู่บริเวณโคนต้น หากมองเผินๆ ไทรต้นนี้ไม่มีสิ่งแปลกประหลาด มันไม่ใช่ต้นไม้อายุนับสิบนับร้อยๆ ปี เท่าที่เห็นก็พอมีไทรลักษณะนี้อีก ๓-๔ ต้น แต่เขากลับสะดุดตากับมันมากกว่าต้นอื่น

คุณมัคครับ ประสิทธิ์เรียก ผมว่าเรารีบกลับกันเถอะ นี่ก็บ่ายมากแล้ว เดี๋ยวจะถึงกรุงเทพฯ ดึกเกินไป

มรรคาขมวดคิ้วจ้องประสิทธิ์นิ่งๆ จนเจ้าตัวนึกเสียวสันหลัง หากความจริงชายหนุ่มแทบจะมองผ่านผู้ช่วยเขาไปด้วยซ้ำ เพราะโสตประสาทกำลังสดับเสียงบางอย่าง กระหึ่มก้อง

...เสียงหัวเราะ

หึ...หึ...ฮ่า...ฮ่า...ฮ่า...สัญ...ญา...

ได้ยินเสียงอะไรมั้ย คุณประสิทธิ์ มรรคาถาม นัยน์ตาฉายแววประหลาด

มะ...ไม่ครับ ประสิทธิ์ตอบ ขนลุกชูชันโดยไม่มีสาเหตุ กลับเถอะครับ เขาพูดสั่นๆ แล้วรีบถอยออกมา

มรรคาถอนใจ เหลียวมองต้นไทรอีกครั้งก่อนละจากมัน โดยค้างคาใจไม่วาย

พ้นจากดงไม้บรรยากาศค่อยแจ่มใสขึ้นเรื่อยๆ พอหลุดมาสู่ที่โล่งประสิทธิ์ต้องหยีตา เหมือนคนออกจากที่มืดมาสู่ที่สว่าง มรรคาสวมแว่นเดินดุ่มๆ กลับรถโดยไม่เหลียวหลัง

แต่ถ้าเขาหันกลับมาสักครั้ง ก็จะได้เห็นเงาของเมฆดำเข้าบดบังอาณาเขตดงไม้ ฝูงนกบินหนีกระจัดกระจายและหากหูเขาจะสัมผัสถึงเสียงที่มนุษย์ธรรมดาไม่อาจได้ยิน เขาจะแว่วเสียงหัวเราะอันกึกก้อง เฉกเช่นคนยามอิ่มเอมใจจนถึงที่สุด

ฮ่า...ฮ่า...ฮ่า...

จากนั้นแปรเป็นเสียงตวาดกราดเกรี้ยว

ไป! ตามมันไป...ทำอย่างไรก็ได้ ให้มันจดจำสัญญา...สัญญาที่ให้ไว้กับข้า

รถแลนด์โรเวอร์วิ่งฝ่าฝุ่นตลบกลับไป และถ้ามองบนหลังคารถให้ดีจะเห็นเงาดำๆ หลายเงานั่งซ้อนก่ายเกยเต็มไปหมด

(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP