ดังตฤณวิสัชนา Dungtrin's Answer

รู้สึกว่าตัวเองมีบุญจึงใช้ชีวิตแบบประมาท จะแก้ไขได้อย่างไร



ถาม
– ดิฉันสังเกตตัวเองว่าเมื่อได้มาสนใจทำบุญปฏิบัติธรรมแล้ว พอทำอะไรก็คิดว่าตัวเองมีบุญ มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยคุ้มครองอยู่ บางครั้งทำอะไรที่เสี่ยงๆก็คิดว่าไม่เป็นไร จนเหมือนตั้งอยู่ในความประมาท อยากทราบว่าจะมีวิธีคิดอย่างไรให้เลิกหลงแบบนี้คะ


ก็เป็นเรื่องปกติเช่นกันนะครับ เล่ามานี่มันใช่เลยนะ
เป็นการเหมือนกับสารภาพไปในตัวว่าเรามีด้านกลับของความดีอย่างไร
ด้านกลับของความดีไม่ใช่ความชั่วร้ายเลวทรามเสมอไปนะ
แต่อาจจะเป็นแค่อะไรพื้นๆ เช่น รู้สึกทะนงหลงตัว
หรือว่าเกิดความรู้สึกเหมือนกับทำอะไรก็ได้ไม่ผิด ทำนองนั้น
ซึ่งไม่ได้เป็นเฉพาะคุณ แต่เป็นกันทั้งนั้นแหละ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราเพิ่งเปลี่ยนวิถีทางจากชีวิตแบบโลกๆ มาเข้าสู่ทางธรรม
แล้วก็เกิดความรู้สึกว่า โอ้ มันแตกต่างกันมาก
เรียกว่าจากเหวขึ้นมาเป็นฟ้า แล้วก็จากมืดกลายเป็นสว่าง
ทุกสิ่งทุกอย่างมันต่างไป
แบบที่เรียกว่าเรารู้สึกราวกับเกิดใหม่ หรือว่าเป็นคนละชีวิตกันได้ทีเดียว
หลายๆ คนจะเกิดความรู้สึกว่า เออ ตัวเองนี่นะ นอกจากจะมีความเบ่งบานสดชื่นแล้ว
ยังมีความแข็งแกร่งบางประการที่ออกมาจากภายในนะ
มันอาจจะไปผสมกับทุนเก่าด้วยหรือว่าอาจจะมีฐานอยู่แล้ว
แล้วก็มาต่อยอด ให้กลายเป็นความสว่างเจิดจ้าขึ้นมา
แล้วก็รู้สึกว่าความสว่างเจิดจ้าแบบนี้เนี่ย มันเหมือนกับบอกใบ้เราว่าตัวเรานี่วิเศษ
แล้วก็เหนือกว่าคนธรรมดาทั่วไปที่ไม่ได้มีความเจิดจ้าแบบเดียวกัน



อันนี้เพื่อที่จะไม่ให้หลงติดดี หรือว่าไปเกิดความทะนงหลงอัตตาแบบใหม่ขึ้นมา
อย่างหนึ่งที่เราควรจะเตรียมไว้เป็นอันดับแรกก็คือการมองเห็นตามจริง
ยอมรับตามตรงว่ามันเกิดความทะนงหลงตัวขึ้นมา

คือเตรียมใจไว้แต่แรกเลยว่า ถ้ามีความสว่างจากการทำบุญ
หรือว่าอยู่ในเส้นทางของการเจริญสติ
อยู่ในเส้นทางของการที่เป็นพุทธมามกะมากขึ้นเท่าไหร่
ยิ่งอยู่บนเส้นทางที่สะอาดบริสุทธิ์มากขึ้นเท่าไหร่
ความรู้สึกสูงส่งมันจะตามมาเป็นเงาตามตัว



พอเตรียมใจไว้อย่างนี้แล้วก็พอที่จะมีสติดูได้
ณ เวลาที่อัตตามันเติบโตขึ้นมา
มันจะแตกต่างกับคนที่ไม่ได้เตรียมไว้ล่วงหน้า คือไม่หลงเพลินไป

มันจะมีสติว่า เออ ตอนนี้เราเกิดความรู้สึกเหมือนกับประมาทชะล่าขึ้นมาแล้ว
นึกว่าไม่เป็นไร นึกว่ามีธรรมะคุ้มครอง
ลองดูครูบาอาจารย์นะ ท่านบางทีปฏิบัติกระทั่งจบกิจแล้ว ท่านยังตกเครื่องบินได้
เครื่องบินระเบิดกลางอากาศก็มีมาแล้ว มีให้เห็นมาแล้ว
หรือว่าเอาในสมัยพุทธกาล
แม้กระทั่งพระโมคัลลาน์ ที่ท่านเป็นพระอรหันต์มีอภิญญานะ มีอภิญญา ๖ ครบเลย
คือนอกจากจะเหาะเหินเดินอากาศได้ ยังสิ้นอาสวะกิเลส
ท่านยังมรณภาพด้วยการถูกโจรทุบจนกระทั่งร่างกายแตก
พอมองไปนะ ครูบาอาจารย์ท่าน ท่านดีกว่าเรา ท่านวิเศษกว่าเราล้านเท่า
ท่านก็สามารถที่จะถูกกรรมเก่าเล่นงานได้
แล้วเราเป็นใคร เรามีดีแค่ไหนถึงจะไม่มีสิทธิ์ที่จะโดนแบบพวกท่านบ้าง
อันนี้คือไม่ใช่ดูไว้เพื่อที่จะเกิดความรู้สึกว่า ครูบาอาจารย์ท่านไม่วิเศษจริง
แต่ดูไว้เพื่อที่จะให้เห็น เพื่อที่จะให้สลดสังเวชในธรรมดาของกรรมวิบาก



แม้แต่พระพุทธองค์ก็ตรัสนะว่าท่านบำเพ็ญมามากที่สุดแล้ว
ไม่มีใคร ณ เวลาที่ท่านตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ
ไม่มีสังสารสัตว์ใดในอนันตจักรวาลที่มีบารมีเทียบเท่าท่าน
ท่านก็ยังต้องประสบกับเคราะห์กรรมนานาประการนะครับ
มีคนปล่อยช้างมาจะให้ทำร้ายท่านบ้างละ มีคนใส่ร้ายท่านบ้างละ
หรือว่าทรงประชวรมีไข้ขึ้นสูงนะครับ
หรือว่ากระทั่งว่าท่านจวนจะดับขันธปรินิพพานแล้ว อยากจะเสวยดื่มน้ำจากลำธาร
น้ำก็ขุ่นเพราะว่ามีวัวมาเดินผ่านอะไรแบบนี้
ด้วยกรรมเล็กๆ น้อยๆ ของท่านที่เคยไปห้ามวัวไว้ไม่ให้กินน้ำ
คืออะไรเล็กๆ น้อยๆ ที่เป็นกรรมเก่านะ
มันสามารถตามมาเล่นงานเราได้ในทุกกรณี ถ้าหากว่ามันจะถึงเวลาให้ผลของมันนะ
ไม่ใช่ว่าเรามีคุณธรรม หรือว่ามีความสว่างเจิดจ้าใดๆ แล้ว
จะไปห้ามกรรมเก่าไม่ให้เผล็ดผลได้



อันนี้พอเราเตรียมใจไว้ล่วงหน้าตามจริงไว้แบบนี้นะ
ก็จะไม่เป็นผู้ประมาท แล้วก็มีความสลดสังเวชในธรรม
คือมีแรงผลักดันที่จะได้ดิ้นหนีออกจากบาปชั่วทุกประการนะครับ
แล้วก็เห็นค่าของการเดินทางไปบนเส้นทางของมรรคผลและนิพพานนะครับ
อย่างนี้ก็แล้วกัน ก็คือว่าหนึ่งเตรียมไจไว้ล่วงหน้าว่า
เราจะเห็นอัตตามันโตขึ้นมาเป็นธรรมดา
พอเห็นแล้วก็จะได้เกิดความไม่เพลินไม่หลงไปตามอัตตาแบบนั้นๆ
และข้อสองก็คือว่าศึกษาดูท่านที่ไปถึงที่สุดแล้ว มีบุญมากที่สุดแล้ว
ท่านก็ยังสามารถประสบเคราะห์กรรม
หรือว่าถูกวิบากกรรมแต่หนหลังเล่นงานได้อย่างไร

ตัวนี้แหละที่จะทำให้เราเลิกประมาทเสียได้นะครับ


แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP