จุดหมายปลายธรรม Destination@Dharmma

ใคร ๆ เขาก็ทำกัน


งดงาม
This e-mail address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it


151 destination


เมื่อเราศึกษา และภาวนา (อย่างถูกทาง) ไปได้ช่วงระยะเวลาสมควรแล้ว
เราย่อมจะได้เห็นโลกตามความเป็นจริงมากขึ้น
และเห็นว่าอะไรเป็นสิ่งมีสาระในโลก อะไรที่เป็นสิ่งไม่มีสาระในโลก
ซึ่งด้วยความที่เราเริ่มมีปัญญาเห็นความจริงของโลกมากขึ้นแล้ว

บางทีเราก็อาจจะมองสิ่งต่าง ๆ ในโลกนี้แตกต่างจากคนอื่นทั่ว ๆ ไปในบางเรื่อง
อย่างเช่น ของบางอย่างที่คนทั่วไปอาจจะเสียสละได้ยาก เราเสียสละได้

ของบางอย่างที่คนทั่วไปละได้ยาก แต่เราก็ละได้
ของบางอย่างที่คนทั่วไปเขาอยากจะได้ แต่เรากลับรู้สึกเฉย ๆ หรือไม่อยากได้
หรือของบางอย่างที่คนทั่วไปเขาเห็นว่ามีค่ามาก แต่เรากลับเห็นว่ามีค่าน้อย เป็นต้น


ผมเองก็เคยมีญาติสนิทบางท่านทักท้วงในบางเรื่องนะครับ
เช่น ในบางคราว ญาติบางท่านก็ทักท้วงว่าเรื่องนี้ผมไม่ควรทำ เพราะคนอื่นทั่วไปไม่ทำกัน
หรือทักท้วงว่าเรื่องนี้ผมไม่ควรละ เพราะคนอื่นทั่วไปเขาไม่ละ
หรือทักท้วงว่าเรื่องนี้ผมไม่ควรยอม เพราะคนอื่นทั่วไปเขาไม่ยอม
หรือทักท้วงว่าสิ่งนี้ผมควรจะต้องมีให้ได้ เพราะคนอื่นทั่วไปเขาก็ต้องอยากมีอยากได้กัน เป็นต้น


ถ้าท่านที่ทักท้วงเรามีพื้นฐานทางธรรมมาพอสมควร
ผมมักจะอธิบายว่าขอเหตุผลอื่นที่ว่า ทำไมไม่สมควรทำ ไม่สมควรละ
ไม่สมควรยอม หรือสมควรมี โดยเป็นเหตุผลอื่นนอกจากว่าคนอื่นทั่วไปเขาทำกัน
โดยผมอยากจะทราบเหตุผลในทำนองที่ว่าพระผู้มีพระภาคทรงสั่งสอนให้ประพฤติเช่นนี้
หรือครูบาอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบได้สอนให้ปฏิบัติเช่นนี้
หรือบัณฑิตทั้งหลายสรรเสริญ หรือแนะนำให้ปฏิบัติเช่นนี้
หรือเป็นสิ่งที่รู้ได้ด้วยตนเองว่าทำแล้วเป็นประโยชน์ และไม่ประกอบด้วยโทษ เป็นต้น


เหตุผลในทำนองที่ว่า คนอื่นทั่ว ๆ ไปเขาทำกันอย่างนี้
แล้วแนะนำให้ผมไปทำตามนั้น ผมอธิบายว่าไม่ใช่เหตุผลที่เพียงพอ
เพราะว่าพระผู้มีพระภาคทรงสอนว่า คนส่วนใหญ่ในโลกนี้ไปอบายภูมิกันนะครับ
เช่นนี้แล้ว การที่เราไปประพฤติตามคนอื่นทั่วไปนั้น ก็ไม่ได้แปลว่าจะดีเสมอไป

แต่เราควรจะพิจารณาว่าสิ่งที่ทำนั้นเป็นสิ่งที่สมควรทำหรือไม่ เพราะเหตุใด


ใน “อัญญตรสูตร” (พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค)
พระผู้มีพระภาคทรงเทียบฝุ่นเล็กน้อยที่พระผู้มีพระภาคทรงช้อนไว้ในปลายพระนขา (เล็บ)
มีประมาณน้อยมากเมื่อเทียบกับแผ่นดินใหญ่
เสมือนกับว่า สัตว์ที่กลับมาเกิดในหมู่มนุษย์มีน้อย

โดยที่แท้ สัตว์ที่กลับมาเกิดนอกจากมนุษย์มีมากกว่า


ทั้งนี้ ใน “นขสิขสูตร” พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค ได้ทรงสอนไว้เช่นกัน
ว่าสัตว์ที่กลับมาเกิดในหมู่มนุษย์มีน้อย
โดยที่แท้ สัตว์ที่กลับมาเกิดนอกจากมนุษย์มีมากกว่า
แต่ก็มีข้อสังเกตว่าใน “อัญญตรสูตร” และ “นขสิขสูตร” ไม่ได้เล่าชัดเจนว่า
สัตว์ที่กลับมาเกิด แต่ไม่ได้เป็นมนุษย์นั้น จะกลับมาเกิดเป็นอะไรนะครับ
เดี๋ยวจะยกพระสูตรอื่นมากล่าวต่อไป


พระผู้มีพระภาคทรงเทียบฝุ่นเล็กน้อยที่พระผู้มีพระภาคทรงช้อนไว้ในปลายพระนขา (เล็บ)
มีประมาณน้อยมากเมื่อเทียบกับแผ่นดินใหญ่กับอีกหลาย ๆ เรื่องนะครับ
ใน “ปัญญาสูตร” (พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค)

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ฉันนั้นเหมือนกัน
สัตว์ผู้ประกอบด้วยปัญญาจักษุอันเป็นอริยะ มีประมาณน้อย
โดยที่แท้ สัตว์ผู้ตกไปในอวิชชา เป็นผู้งมงาย มีมากกว่า


ใน “สุราเมรยสูตร” (พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค)
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ฉันนั้นเหมือนกัน
สัตว์ผู้งดเว้นจากการดื่มน้ำเมา คือสุราเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาทมีน้อย
โดยที่แท้ สัตว์ผู้ไม่งดเว้นจากการดื่มน้ำเมา คือสุราและเมรัย
อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท มีมากกว่า


ใน “มัตเตยยสูตร” (พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค)
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ฉันนั้นเหมือนกัน
สัตว์ผู้เกื้อกูลแก่มารดา มีน้อย โดยที่แท้ สัตว์ผู้ไม่เกื้อกูลแก่มารดา มีมากกว่า


ใน “เปตเตยยสูตร” (พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค)
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ฉันนั้นเหมือนกัน
สัตว์ผู้เกื้อกูลแก่บิดามีน้อย โดยที่แท้ สัตว์ผู้ไม่เกื้อกูลแก่บิดา มีมากกว่า


ใน “สามัญญสูตร” (พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค)
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ฉันนั้นเหมือนกัน
สัตว์ผู้เกื้อกูลแก่สมณะมีน้อย โดยที่แท้ สัตว์ผู้ไม่เกื้อกูลแก่สมณะ มีมากกว่า


ใน “อปจายิกสูตร” (พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค)
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ฉันนั้นเหมือนกัน
สัตว์ผู้นอบน้อมต่อบุคคลผู้เจริญในสกุล มีน้อย
โดยที่แท้ สัตว์ผู้ไม่นอบน้อมต่อบุคคลผู้เจริญในสกุล มีมากกว่า
http://www.84000.org/tipitaka/read/v.php?B=19&A=10902&Z=10980&pagebreak=1


ใน “ปาณาติปาตสูตร” (พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค)
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ฉันนั้นเหมือนกัน
สัตว์ผู้เว้นจากปาณาติบาตมีน้อย โดยที่แท้ สัตว์ผู้ไม่เว้นจากปาณาติบาต มีมากกว่า


ใน “อทินนาทานสูตร” (พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค)
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ฉันนั้นเหมือนกัน
สัตว์ผู้งดเว้นจากอทินนาทานมีน้อย โดยที่แท้ สัตว์ผู้ไม่งดเว้นจากอทินนาทาน มีมากกว่า


ใน “กาเมสุมิจฉาจารสูตร” (พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค)
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ฉันนั้นเหมือนกัน
สัตว์ผู้งดเว้นกาเมสุมิจฉาจาร มีน้อย โดยที่แท้ สัตว์ผู้ไม่งดเว้นจากกาเมสุมิจฉาจาร มีมากกว่า


ใน “มุสาวาทสูตร” (พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค)
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ฉันนั้นเหมือนกัน
สัตว์ผู้งดเว้นจากมุสาวาทมีน้อย โดยที่แท้ สัตว์ผู้ไม่งดเว้นจากมุสาวาท มีมากกว่า


ใน “เปสุญญสูตร” (พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค)
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ฉันนั้นเหมือนกัน
สัตว์ผู้งดเว้นจากคำส่อเสียด มีน้อย โดยที่แท้ สัตว์ผู้ไม่งดเว้นจากคำส่อเสียด มีมากกว่า


ใน “ผรุสสูตร” (พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค)
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ฉันนั้นเหมือนกัน
สัตว์ผู้งดเว้นจากคำหยาบมีน้อย โดยที่แท้ สัตว์ผู้ไม่งดเว้นจากคำหยาบมีมากกว่า


ใน “สัมผัปปลาปสูตร” (พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค)
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ฉันนั้นเหมือนกัน
สัตว์ผู้งดเว้นจากคำเพ้อเจ้อ มีน้อย โดยที่แท้ สัตว์ผู้ไม่งดเว้นจากคำเพ้อเจ้อมีมากกว่า


ใน “วิกาลโภชนสูตร” (พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค)
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ฉันนั้นเหมือนกัน

สัตว์ผู้งดเว้นจากการบริโภคอาหารในเวลาวิกาล มีน้อย
โดยที่แท้ สัตว์ผู้ไม่งดเว้นจากการบริโภคอาหารในเวลาวิกาล มีมากกว่า


ใน “คันธวิเลปนสูตร” (พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค)
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ฉันนั้นเหมือนกัน
สัตว์ผู้งดเว้นจากการทัดทรง ประดับและตกแต่งร่างกายด้วยดอกไม้
ของหอมและเครื่องประเทืองผิว อันเป็นฐานแห่งการแต่งตัว มีน้อย
โดยที่แท้ สัตว์ผู้ไม่งดเว้นจากการทัดทรงประดับ และตกแต่งร่างกายด้วยดอกไม้
ของหอม และเครื่องประเทืองผิวอันเป็นฐานแห่งการแต่งตัว มีมากกว่า
http://www.84000.org/tipitaka/read/v.php?B=19&A=10981&Z=11042&pagebreak=1


ใน “นัจจสูตร” (พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค)
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ฉันนั้นเหมือนกัน
สัตว์ผู้งดเว้นจากการฟ้อนรำ ขับร้อง ประโคมดนตรี และดูการเล่นอันเป็นข้าศึก มีน้อย
โดยที่แท้ สัตว์ผู้ไม่งดเว้นจากการฟ้อนรำ ขับร้อง ประโคมดนตรี และดูการเล่นอันเป็นข้าศึก มีมากกว่า


ใน “สยนสูตร” (พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค)
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ฉันนั้นเหมือนกัน
สัตว์ผู้งดเว้นจากการนั่งนอนบนที่นั่งที่นอนอันสูงใหญ่ มีน้อย
โดยที่แท้ สัตว์ผู้ไม่งดเว้นจากการนั่งนอนบนที่นั่งที่นอนอันสูงใหญ่ มีมากกว่า
http://www.84000.org/tipitaka/read/v.php?B=19&A=11043&Z=11104&pagebreak=1


ทีนี้ เรามาดูกันว่าหากสัตว์ส่วนใหญ่ไม่ได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์แล้ว ส่วนใหญ่เขาไปไหนกันนะครับ
ใน “อามกธัญญเปยยาล จตุตถวรรคที่ ๑๐” (พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค)
พระผู้มีภาคทรงสอนว่า สัตว์ที่จุติจากมนุษย์ไปแล้ว จะกลับมาเกิดในมนุษย์หรือเทวดา มีน้อย
โดยที่แท้ สัตว์ที่จุติจากมนุษย์ไปแล้ว กลับไปเกิดในนรก
ในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน ในปิตติวิสัย มีมากกว่า


สัตว์ที่จุติจากเทวดาไปแล้ว จะกลับมาเกิดในมนุษย์หรือเทวดา มีน้อย
โดยที่แท้ สัตว์ที่จุติจากเทวดาไปแล้ว กลับไปเกิดในนรก
ในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน ในปิตติวิสัย มีมากกว่า


สัตว์ที่จุติจากนรกไปแล้ว จะกลับมาเกิดในมนุษย์หรือเทวดา มีน้อย
โดยที่แท้ สัตว์ที่จุติจากนรกไปแล้ว กลับไปเกิดในนรก
ในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน ในปิตติวิสัย มีมากกว่า


สัตว์ที่จุติจากกำเนิดสัตว์ดิรัจฉานไปแล้ว จะกลับมาเกิดในมนุษย์หรือเทวดา มีน้อย
โดยที่แท้ สัตว์ที่จุติจากกำเนิดสัตว์ดิรัจฉานไปแล้ว กลับไปเกิดในนรก
ในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน ในปิตติวิสัย มีมากกว่า


สัตว์ที่จุติจากปิตติวิสัยไปแล้ว จะกลับมาเกิดในมนุษย์หรือเทวดา มีน้อย
โดยที่แท้ สัตว์ที่จุติจากปิตติวิสัยไปแล้ว กลับไปเกิดในนรก
ในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน ในปิตติวิสัย มีมากกว่า
http://www.84000.org/tipitaka/read/v.php?B=19&A=11105&pagebreak=1


ที่ทรงบอกว่ามีน้อยหรือมีมากนี้ บางท่านอาจจะสงสัยว่าเทียบกันขนาดไหน
อธิบายว่าก็เทียบกับฝุ่นเล็กน้อยที่พระผู้มีพระภาคทรงช้อนไว้ในปลายพระนขา (เล็บ)
มีประมาณน้อยมากเมื่อเทียบกับแผ่นดินใหญ่ ประมาณนั้นนะครับ


จาก“อามกธัญญเปยยาล จตุตถวรรคที่ ๑๐” ที่ยกมาข้างต้นนี้
เราคงจะเห็นถึงความโหดร้ายของสังสารวัฏ
บางท่านบอกว่าให้ทำบุญเยอะ ๆ ไว้ เพื่อตายไปแล้วจะได้กลับมาเป็นมนุษย์
แต่ว่ามนุษย์ส่วนใหญ่เมื่อตายจากมนุษย์แล้ว ก็ไปลงอบายภูมิ
บางท่านบอกว่าให้ทำบุญเยอะ ๆ ไว้ เพื่อตายไปแล้วจะได้ไปเป็นเทวดา
แต่ว่าเทวดาส่วนใหญ่เมื่อตายจากเทวดาแล้ว ก็ไปลงอบายภูมิ

บางที เราอาจจะเข้าใจว่าไปลงอบายภูมิแล้ว รับผลบาปกรรมแล้ว
ก็จะได้มีโอกาสกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ และเทวดาได้ง่าย ๆ
แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่นะครับ พอพ้นจากนรก กำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน และปิตติวิสัยแล้ว
ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้กลับมาเป็นมนุษย์หรือเทวดาหรอก
แต่ส่วนใหญ่ก็กลับไปเกิดในนรก กำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน และปิตติวิสัยอีกนั่นแหละ
กรณีจึงเป็นเรื่องที่โหดร้ายมากครับ
ดังนี้แล้ว เราก็ไม่ควรหลงมัวเมาประมาทว่า ทำบุญมาเยอะแล้ว ได้ไปสวรรค์แน่ ๆ
เพราะนั่นไม่ใช่ทางที่ปลอดภัยอย่างแท้จริงครับ เพราะเมื่อพ้นจากสวรรค์แล้ว
ส่วนใหญ่แล้วก็กลับไปเกิดในนรก กำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน และปิตติวิสัยอีกครับ
ดังนั้นแล้ว การมุ่งไปสวรรค์จึงไม่ใช่ทางที่ปลอดภัยอย่างแท้จริง


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


หมายเหตุ ศาลาปฏิบัติธรรมได้สร้างตอม่อครบทุกต้นแล้ว
ช่วงนี้ก็อยู่ระหว่างเตรียมทำคานพื้นครับ
จึงขอเรียนเชิญญาติธรรมท่านที่สนใจร่วมสมทบทุนสร้างศาลาปฏิบัติธรรม
เพื่อประโยชน์ในการจัดค่ายคุณธรรมสอนธรรมะแก่เด็ก ๆ เยาวชน
โดยการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร ดังต่อไปนี้


ชื่อบัญชี นายสันติ คุณาวงศ์ นางปราณี ศิริวิริยะกุล และนางพจนา ทรัพย์สมาน
ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาแฟรี่แลนด์ นครสวรรค์
บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ 881-223306-7


ทั้งนี้ ท่านสามารถติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างศาลาปฏิบัติธรรมได้ที่
http://www.facebook.com/rooguyroojai
และสามารถติดตามความคืบหน้าของการเรี่ยไรและสำเนาหน้าสมุดบัญชีรับบริจาคได้ที่
กระทู้ในเว็บไซต์ลานธรรมตามลิงค์นี้ครับ
เชิญร่วมสมทบทุนสร้างศาลาปฏิบัติธรรม ชมรมเรียนรู้กายใจ จังหวัดนครสวรรค์



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP