ธรรมะจากพระสูตร Dhamma from Sutta

ทุติยอนุรุทธสูตร ว่าด้วยพระอนุรุทธะสนทนากับพระสารีบุตร


กลุ่มไตรปิฎกสิกขา



[๕๗๐] ครั้งนั้น ท่านพระอนุรุทธะ เข้าไปหาท่านพระสารีบุตร
ครั้นเข้าไปถึงแล้วก็ชื่นชมกับท่านพระสารีบุตร
กล่าวถ้อยคำที่ทำให้เกิดความชื่นบานต่อกันเป็นที่ระลึกถึงกันแล้วนั่งลง ณ ที่ควรส่วนหนึ่ง
แล้วกล่าวกับท่านพระสารีบุตรว่า อาวุโส สารีบุตร
ข้าพเจ้าตรวจดูสหัสสโลก (๑,๐๐๐ โลก) ได้ ด้วยจักษุทิพย์อันแจ่มใสเกินจักษุมนุษย์สามัญ
อนึ่ง ความเพียร ข้าพเจ้าก็ทำไม่ท้อถอย สติก็ตั้งมั่น ไม่ฟั่นเฟือน
กายก็ระงับไม่กระสับกระส่าย จิตก็มั่นคงเป็นหนึ่งแน่วแน่
เออก็เหตุไฉน จิตของข้าพเจ้าจึงยังไม่สิ้นอุปาทานหลุดพ้นจากอาสวะทั้งหลายเล่า?


ท่านพระสารีบุตรตอบว่า อาวุโส อนุรุทธะ ข้อที่ท่านว่า ข้าพเจ้าตรวจดูสหัสสโลกได้
ด้วยจักษุทิพย์อันแจ่มใสเกินจักษุมนุษย์สามัญ นี้เป็นเพราะมานะของท่าน
ข้อที่ว่า อนึ่ง ความเพียรข้าพเจ้าก็ทำไม่ท้อถอย สติก็ตั้งมั่นไม่ฟั่นเฟือน
กายก็ระงับไม่กระสับกระส่าย จิตก็มั่นคงเป็นหนึ่งแน่วแน่
นี้เป็นเพราะอุทธัจจะของท่าน
ข้อที่ว่า เออก็เหตุไฉน จิตของข้าพเจ้าจึงยังไม่สิ้นอุปาทานหลุดพ้นจากอาสวะทั้งหลายเล่า
นี้เป็นเพราะกุกกุจจะของท่าน
ทางที่ดีนะ ท่านอนุรุทธะจงละธรรม ๓ นี้เสีย อย่าใส่ใจถึงธรรม ๓ นี้
แล้วน้อมจิตไปเพื่ออมตธาตุ (ธาตุไม่ตาย คือ พระนิพพาน) เถิด.


ภายหลัง ท่านอนุรุทธะก็ละธรรม ๓ นี้ ไม่ใส่ใจถึงธรรม ๓ นี้
น้อมจิตไปเพื่ออมตธาตุ อยู่มาท่านหลีกจากหมู่อยู่คนเดียว
ไม่ประมาท ทำความเพียร เด็ดเดี่ยว ไม่ช้าเลย
กุลบุตรทั้งหลายออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตโดยชอบ
ต้องการเพื่อประโยชน์อันใด ท่านก็ทำให้แจ้งซึ่งประโยชน์อันนั้น
ซึ่งเป็นคุณที่สุดแห่งพรหมจรรย์อย่างเยี่ยมยอด
ด้วยปัญญาอันยิ่งด้วยตนเอง เข้าถึงอยู่ในปัจจุบัน
ท่านรู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว ทำกิจที่ควรทำแล้ว
กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้ไม่มีอีก.
ท่านพระอนุรุทธะได้เป็นพระอรหันต์องค์หนึ่งในพระอรหันต์ทั้งหลายแล้ว.


ทุติยอนุรุทธสูตร จบ



(พหุการสูตร พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต
พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย เล่มที่ ๓๔)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP