กระปุกออมสิน Money Literacy

๕ พฤติกรรมใช้เงินแบบผิดๆ ที่มนุษย์ออฟฟิศ มองข้าม


Mr.Messenger
สนใจติดตามข่าวสารการลงทุนได้ที่ http://twitter.com/MrMessenger



             พอเราใช้ชีวิตของเราไปเรื่อยๆ ความคุ้นเคยเหล่านั้นก็กลายเป็นชีวิตประจำวัน และด้วยความคุ้นเคยนี่เอง ที่ทำให้ ถึงแม้เราจะพยายามหาต้นตอ หรือ สาเหตุที่เงินของเรากระเด็นออกจากกระเป๋าเท่าไหร่ ก็หาไม่ค่อยเจอ ดูเหมือนทุกอย่างมันจำเป็น เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเราไปแล้ว วันนี้ ผมจึงขออนุญาตรวบรวม ๕ พฤติกรรมใช้เงินแบบผิดๆ ที่มนุษย์เงินเดือน หนุ่มสาวออฟฟิศ มักจะทำ แต่ดันลืมไปว่า มันอาจจะเป็นส่วนเกิน ที่ทำให้เราใช้จ่ายเกินความจำเป็นนะครับ


๑.     ทานอาหารกลางวัน แล้วมักมีต่อด้วยขนมขบเคี้ยว และกาแฟอีกซักแก้ว
ขนมขบเคี้ยว นอกจากเป็นรายจ่ายส่วนเกินของมื้อกลางวัน ยังเป็นส่วนเกินต่อร่างกายอีกต่างหาก สถาบันวิจัยในต่างประเทศ เคยทำการศึกษาแล้วพบว่า การหยุดขนมขบเคี้ยวเหล่านี้เพียงแค่สัปดาห์ละถุง สามารถลดน้ำหนักได้ถึงเดือนละ ๐.๘ กก. ทีเดียว ผมขอแนะนำสาวๆว่า ให้หาแรงจูงใจการงดซื้อขนมพวกนี้ด้วยการมองที่ตัวเลขน้ำหนักที่ลดลงได้แทนนะครับ



๒.     ละเลยที่จะต้องตรวจราคาสินค้า และลืมวางแผน
ข้าวของบางอย่าง เราสามารถซื้อตุนไว้ได้เป็นเดือน หรือเป็นไตรมาส นั้นหมายความว่า ถ้าเรามีการวางแผนที่ดี และตรวจสอบราคาว่า หากซื้อจำนวนมากขึ้น จะช่วยให้เราประหยัดได้ไหมนั้น จะพบว่า เราสามารถประหยัดเงินได้เดือนละหลายร้อยบาททีเดียว ยกตัวอย่างเช่น จากที่เคยซื้อยาสีฟันแบบหลอดต่อหลอด กระดาษชำระแบบม้วนต่อม้วน ก็เปลี่ยนเป็นซื้อยกโหล ราคาต่อชิ้นก็จะถูกลง แถมยังประหยัดเวลา ไม่ต้องออกจากบ้านไปซื้อหลายๆรอบอีกต่างหาก



๓.     ไปเที่ยวที ไม่เคยมีที่จ่ายต่ำกว่างบ
เรื่องนี้ก็ถือเป็นเรื่องที่ต้องจำเป็นต้องกลับมาสำรวจนะครับ ก็เข้าใจอยู่หรอกว่า ไปเที่ยว ไปชาร์ตแบตฯทั้งที ก็อยากให้มันมีความสุข ให้มันสบายๆ ไม่ต้องคิดอะไรมาก อะไรที่ว่าดี เราเลยยอมจ่ายแบบสุดๆเมื่ออยู่ในช่วงพักร้อน แล้วพอกลับจากพักร้อน ก็ต้องกลับมานั่งทำงานงกๆ เพราะเงินเก็บหมด ต้องเริ่มกันใหม่ แบบนี้ไม่ไหวนะครับ กับดักนี้นี่เอง ที่มนุษย์เงินเดือนติดอยู่ จนทำให้ปัจจัยเรื่องจำนวนค่าจ้างเงินเดือน มามีผลต่อการตัดสินใจเลือกงาน มากกว่า นั้นคืองานที่เรารักหรือเปล่า วิธีแก้ไข ผมคิดว่า เราควรตั้งงบประมาณ และกันเงินสำหรับการพักผ่อนออกจากเงินเก็บปกติ โดยตั้งไว้เลยว่า อีก ๔ เดือนข้างหน้า ฉันตั้งใจจะไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยงบประมาณ ๔๐,๐๐๐ บาท โดยจะออมเพิ่มอีกเดือนละ ๑๐,๐๐๐ บาท แบบนี้เป็นต้น



๔.     จ่ายถูกไปก่อน แต่กลายเป็นจ่ายแพงทีหลัง
ผมว่า คนส่วนใหญ่เคยเจอปัญหานี้นะ ยกตัวอย่างเช่น โทรศัพท์จากพนักงานขายแพ็คเกจสมาชิกโรงแรม ๑ ปี มีทั้งที่พักฟรี รับประทานอาหารฟรี และส่วนลดใช้บริการธุรกิจในเครือมากมาย ปัญหาคือ เราซื้อมา ก็ใช้ได้ไม่คุ้มหรอกครับ ตอนซื้อมา เราก็จินตนาการว่า จะไปมันทุกๆ ๓ เดือน แต่พอเอาเข้าจริง ไม่ติดงาน ก็เบื่อ อยากเปลี่ยนที่เที่ยว หรือถึงได้ไปจริงๆ เทียบกับการพักผ่อนอยู่บ้านเฉยๆ ก็ยังประหยัดเงินกว่าการพยายามไปเที่ยวตามโปรโมชั่นให้มันคุ้มที่ซื้อมา ดังนั้น พวกโปรโมชั่น จ่ายก่อน แล้วรับส่วนลดราคาถูก ผมแนะนำให้คิดดีๆก่อนซื้อนะครับ



๕.     สังสรรค์วันศุกร์ สนุกคืนเดียว ทุกข์ทั้งสัปดาห์
นอกจากการดื่มสุรานั้นผิดศีลข้อ ๕ แล้ว ยังเสี่ยงต่อการดูดเงินในกระเป๋าของเราออกไปมากเกินความจำเป็นนะครับ เพราะตอนสนุกเนี่ย ไม่คิดกันหรอกว่าต้องจ่ายเท่าไหร่ ความยับยั้งชั่งใจไม่มี และถึงมี บางทีก็กลัวเสียหน้า พอเมากลับบ้านมา เสี่ยงประสบอุบัติเหตุ วันเสาร์ก็นอนซมทั้งวัน ต้องช่วยกันเตือนนะครับ



             กว่าจะเก็บเงินสร้างเนื้อสร้างตัวให้มีความมั่นคงอย่างที่ใจฝัน มันมีอุปสรรคระหว่างทางให้เราเรียนรู้และแก้ไขไปตลอดทางนะครับ เอาให้ง่ายที่สุด แก้ไขที่ต้นเหตุเลย ก็มาเจริญภาวนา หัดเรียนรู้กายเรียนรู้ใจ เมื่อจิตใจเราหลงไปกับสิ่งใด ระลึกรู้ขึ้นมา พอได้สติ ก็กลับมาคิดด้วยเหตุและผลแทน ชีวิตที่คิดและไตร่ตรองด้วยเหตุผลอย่างดี ผมเชื่อว่า มันจะนำสิ่งดีๆมาให้กับเราแน่นอน อย่างที่หลวงพ่อปราโมทย์ท่านว่าไว้นะครับ หนทางยังมีอยู่ ผู้เดินทางยังไม่ขาดสาย ลงมือเสียแต่วันนี้ ก่อนที่กระแสลมแห่งกาลเวลา จะพัดพารอยพระบาทของท่านหายไป เพราะถ้าถึงวันนั้นนะ เราจะระหกระเหินอีกแสนนาน



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP