จุดหมายปลายธรรม Destination@Dharmma
ไหวพริบในการโต้เถียง
งดงาม
This e-mail address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it
เมื่อประมาณเดือนที่แล้ว มีญาติธรรมท่านหนึ่งได้ส่งข้อเขียนเรื่องหนึ่ง
เกี่ยวกับคุณสมบัติของผู้นำมาให้ผมอ่านทางไลน์กลุ่ม
โดยในข้อเขียนบอกว่า การเป็นผู้นำที่ดีต้องมีคุณสมบัติหลายอย่าง
เช่น ความรอบรู้ ความอดทน เป็นคนดี มีศีลธรรม ฯลฯ
แต่คุณสมบัติหนึ่งที่ผู้นำพึงมี ขาดเสียไม่ได้ คือ ไหวพริบกับการพูด
โดยข้อเขียนนี้ก็ได้ยกตัวอย่างเรื่องของท่านมหาตมะคานธีมาเล่าดังนี้ครับ
สมัยที่คานธีกำลังศึกษาวิชากฎหมายอยู่ที่มหาวิทยาลัยลอนดอน
มีอาจารย์ผิวขาวคนหนึ่งชื่อปีเตอร์ ซึ่งเกลียดคานธีมาก
ทั้งเหยียดผิวและแสดงอาการไม่เป็นมิตรในทุกโอกาส
การที่คานธีไม่ก้มศีรษะในขณะที่อาจารย์คุยด้วย
ก็มีส่วนทำให้เกิดการปะทะคารมระหว่างกันบ่อย ๆ
วันหนึ่ง ในขณะที่อาจารย์กำลังนั่งรับประทานอาหารอยู่ในโรงอาหารของมหาวิทยาลัย
คานธีเดินถือถาดอาหารผ่านมา และนั่งลงข้าง ๆ อาจารย์
อาจารย์จึงพูดว่า “คุณคานธี คุณไม่เข้าใจเลยนะ
หมูกับนกจะนั่งกินอาหารด้วยกันไม่ได้หรอก”
คานธีมองอาจารย์แบบผู้ใหญ่มองเด็กดื้อแล้วตอบว่า
“ไม่มีปัญหา ผมบินไปให้พ้นก็ได้ครับ” ว่าแล้วคานธีก็ยกถาดเดินไปนั่งที่โต๊ะอื่น
อาจารย์โกรธจนหน้าแดง และตั้งใจว่าสอบคราวหน้า จะหาทางเอาคืนให้ได้
แต่ปรากฏว่าคานธีตอบถูกหมดทุกข้อ อาจารย์ไม่พอใจและหงุดหงิด จึงถามคานธีว่า
“คุณเจอกล่อง ๒ ใบ ใบนึงมีความรู้ และอีกใบนึงมีเงินจำนวนมาก คุณจะเลือกใบไหน”
คานธีตอบโดยไม่ลังเลว่า จะเลือกใบที่มีเงินจำนวนมาก
อาจารย์ยิ้มเยาะและพูดประชดประชันว่า
“ถ้าผมเป็นคุณ ผมจะเลือกใบที่มีความรู้ น่าจะเหมาะสมมากกว่านะ”
คานธียักไหล่ และตอบอาจารย์ว่า “คนเรามักจะเลือกในสิ่งที่ตนเองไม่มี”
มาถึงตอนนี้อาจารย์หงุดหงิดเต็มทีและอารมณ์เสียมาก
จึงเขียนคำว่า “ไอ้โง่” ลงบนกระดาษข้อสอบของคานธี
คานธีนำกลับไปอ่านที่โต๊ะ และสงบสติอารมณ์คิดว่าจะทำอย่างไรต่อไป
ไม่กี่นาทีต่อมา คานธีลุกขึ้นและเดินไปที่โต๊ะอาจารย์
เขาพูดอย่างมีศักดิ์ศรี แต่แอบประชดอย่างสุภาพว่า
“อาจารย์ครับ อาจารย์เซ็นซื่อแล้ว แต่ยังไม่ได้ให้คะแนนผมครับ”
(ข้อความก็จบลงเพียงเท่านี้นะครับ)
เวลาเราอ่านข้อเขียนเรื่องนี้ บางท่านอาจจะรู้สึกชื่นชอบการโต้เถียงในลักษณะนี้
เพราะแสดงให้เห็นถึงความมีไหวพริบในการโต้เถียงระหว่างกัน
และก็ได้ความสะใจที่คานธีสามารถพูดจาตอบโต้อาจารย์ให้เงิบได้
แต่หากเราจะบอกว่าความมีไหวพริบในการโต้เถียงในลักษณะนี้
จะถือว่าเป็นคุณสมบัติของผู้นำแล้ว โดยส่วนตัวแล้ว ผมเองยังไม่เห็นด้วยนะครับ
เพราะว่า ๑. การโต้เถียงกันในรูปแบบนี้ มีแต่สร้างความอาฆาตพยาบาทกัน
และไม่ได้ช่วยทำให้สถานการณ์ระหว่างอาจารย์และคานธีดีขึ้นแต่อย่างใด
๒. คนที่คานธีโต้เถียงด้วยนั้นเป็นครูอาจารย์ที่ให้ความรู้แก่คานธี
โดยคานธีเป็นผู้เรียนและรับความรู้จากอาจารย์
ซึ่งหากมองในแง่ของคุณธรรมในเรื่องความกตัญญูแล้ว
คานธีย่อมไม่สมควรจะไปโต้ตอบอาจารย์ในลักษณะดังกล่าวนั้น
แม้ว่าอาจารย์อาจจะใช้ถ้อยคำที่ไม่เหมาะสมกับคานธีก่อนก็ตาม
หากเราจะเปรียบเทียบความสำคัญในเรื่องคุณสมบัติของผู้นำ
ระหว่างคุณธรรมจริยธรรม และไหวพริบในการโต้เถียงให้คนอื่นเจ็บแค้นแล้ว
คุณธรรมจริยธรรมย่อมมีความสำคัญกว่าอย่างไม่ต้องสงสัยนะครับ
ดังนี้แล้ว เวลาที่เราพบเห็นว่าใครบางคนสามารถโต้แย้งเก่ง เถียงให้เจ็บแสบเก่ง
ย่อมไม่ได้แปลว่าเนื้อหาในสิ่งที่เขาโต้เถียงนั้นจะต้องมีคุณธรรมด้วย
และก็ไม่ได้หมายความว่าเขาคนนั้นจะมีคุณสมบัติสมควรเป็นผู้นำ
ในเรื่องของการโต้เถียงกันนี้ หากเราสามารถเลือกพูดได้
เราก็ควรเลือกที่จะพูดในเชิงที่จะไม่ทำให้เขาพยาบาทดีกว่า
โดยสามารถอธิบายด้วยเหตุผลและคุณธรรมจะเหมาะสมกว่าการโต้เถียงให้เจ็บแสบ
ยกตัวอย่างเช่น สมมุติอาจารย์บอกเราว่า หมูกินข้าวกับนกไม่ได้
เราก็สามารถชี้แจงอธิบายได้ว่า ทุกคนก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน
แต่จะแตกต่างกันว่าใครจะเป็นคนดีหรือไม่ดีนั้น อยู่ที่การกระทำ
ไม่ได้อยู่ที่ชาติกำเนิด สัญชาติ หรือผิวพรรณ
หรือหากอาจารย์ถามว่า เราจะเลือกกล่องใส่ความรู้ หรือกล่องใส่เงิน
เราก็ตอบได้ว่าเรามีความรู้เยอะแล้วเพราะได้เรียนกับอาจารย์ เราจึงเลือกกล่องใส่เงิน
หรืออาจารย์เขียนด่าเราว่า “ไอ้โง่” เราก็สามารถให้อภัย และไม่ถือโทษโกรธอาจารย์ได้
และไปขอให้อาจารย์เขียนคะแนนให้เรา โดยไม่ต้องไปด่าอาจารย์กลับก็ได้
หรือก็อาจมีวิธีการพูดหรือเจรจาอื่น ๆ อีกมาก โดยไม่จำเป็นต้องทะเลาะกันครับ
อย่างในยุคสมัยนี้ เราก็อาจจะได้พบว่ามีเด็กบางคนเถียงผู้ใหญ่เก่งนะครับ
โดยผู้ใหญ่บางคนก็ชื่นชอบว่าเด็กฉลาด รู้จักเถียง หรือเถียงเก่ง
แต่อาจจะลืมพิจารณาไปว่าการเถียงเก่งนั้น เป็นประโยชน์แก่เด็กหรือไม่
และการเถียงนั้นมีคุณธรรมจริยธรรมหรือเปล่า
ทั้งที่การเถียงหรือปรามาสพ่อแม่เก่ง หรือการเถียงหรือปรามาสครูบาอาจารย์เก่งนี้
อาจจะเป็นสิ่งที่ทำลายตัวเด็กอย่างแรง เพราะอาจเป็นการก่ออกุศลกรรมหนักก็ได้
ดังนี้แล้ว กรณีที่โต้เถียงเก่ง ด่าเก่ง ปรามาสเก่งนี้ อาจจะไม่ใช่พรสวรรค์นี้นะครับ
แต่อาจจะเป็นพรนรก คือช่วยให้เราสร้างอกุศลกรรมได้โดยง่ายก็ได้
(หมายเหตุ - กรณีที่ท่านมหาตมะคานธีเถียงกับอาจารย์สมัยที่ยังเป็นหนุ่มเรียนที่อังกฤษนี้
เป็นเพียงเกร็ดเล็กน้อย ไม่ใช่สาระสำคัญ
และไม่ได้เป็นคุณธรรมหรือเป็นสิ่งที่ทำให้หลาย ๆ คนนับถือท่านนะครับ
ส่วนสำคัญที่เป็นคุณธรรมหรือเป็นสิ่งที่ทำให้หลาย ๆ คนนับถือท่านนั้น
เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายหลังจากที่ท่านเรียนจบแล้ว
และท่านได้มานำประชาชนต่อสู้กับสหราชอาณาจักร โดยวิธีอหิงสา
รวมถึงการห้ามสงครามกลางเมืองระหว่างชาวฮินดูและชาวมุสลิม ด้วยวิธีอหิงสาเช่นกัน
โดยขอท่านผู้อ่านกรุณาอย่านำเพียงเรื่องในข้อเขียนที่เล่ามานี้
มาพิจารณาชี้วัดท่านมหาตมะคานธีนะครับ
เพราะเรื่องเล่าดังกล่าวนี้ ไม่ใช่สาระสำคัญของท่านดังที่กล่าวแล้ว)
< Prev | Next > |
---|