ดังตฤณวิสัชนา Dungtrin's Answer

มีวิธีเปลี่ยนแปลงคุณพ่อให้พูดจาดีขึ้นได้บ้างไหม



ถาม - มีวิธีเปลี่ยนแปลงคุณพ่อให้พูดจาดีขึ้นได้บ้างไหมครับ
ทุกวันนี้คุณพ่อพูดเสียดแทงคุณแม่ตลอด ผมสงสารคุณแม่ที่ต้องเสียใจ
จนบางครั้งผมก็ต้องขึ้นเสียงบ้างเพื่อให้คุณพ่อได้สติ แต่ก็ได้เพียงชั่วคราวเท่านั้นครับ



อันนี้เป็นกรรมของเราเองนะ
การจะเปลี่ยนความเคยชินของคนคนหนึ่งนี่นะ
มันไม่ใช่ด้วยการไปพูดสอน หรือว่าแม้กระทั่งไปตักเตือน หรือว่าให้สติชั่วครั้งชั่วคราวนะครับ
การเปลี่ยนนิสัย การเปลี่ยนความเคยชินของคนคนหนึ่ง
ขอให้จำไว้เลยนะ มันไม่มียาล้างสมองที่ไหน มันไม่มีวิธีการใด
มันไม่มีอุบายที่ล้ำเลิศแค่ไหนก็ตาม ไปเปลี่ยนแปลงใครเขาได้
นอกจากเขาจะมีความเต็มใจ มีความเห็นโทษในพฤติกรรมแบบเดิม
แล้วก็มีความเห็นคุณค่าของพฤติกรรมแบบใหม่

ถ้าหากว่าเราไม่สามารถทำให้ท่านมองเห็นโทษของการพูดจาเสียดสีได้
แล้วก็ไม่สามารถทำให้ท่านเห็นคุณของการพูดจาเป็นมิตรต่อกัน
มีไมตรีต่อกัน มีความสบายหูแก่กัน
ยังไงๆ ก็ไม่มีทางหรอกครับ ที่จะไปเปลี่ยนอำนาจความเคยชินดั้งเดิม



คนเรานะ มีอยู่อย่างเดียวที่จะทำให้เกิดกำลังใจ เกิดแรงบันดาลใจ
ที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ก็คือ ได้เชื่อว่ากรรมและวิบากมีจริง
ได้เข้าใจความจริงว่าอะไรๆ ที่มันเกิดขึ้นเป็นตัวเป็นตนอย่างนี้นะไม่ใช่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ
ไม่ว่าจะเป็นการมาเกิดเป็นมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นการได้เพศชาย เพศหญิง
ไม่ว่าจะร่ำรวย ไม่ว่าจะมีสติปัญญา ไม่ว่าจะสูงต่ำดำขาว
ใดๆ ก็แล้วแต่ ทั้งหลายทั้งปวงล้วนแล้วแต่เป็นกรรม
อย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสว่าสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
และพระพุทธเจ้าท่านก็ตรัสด้วยว่า ถ้าจะตอบแทนพ่อแม่ สิ่งที่ดีที่สุดคือการให้ธรรมะ
ทำให้ท่านมาศรัทธาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
ด้วยความเข้าใจว่าพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
เป็นจุดเริ่มต้นของพฤติกรรมที่ดีที่สุด ที่จะให้ผลดีที่สุดกับตัวเอง ทั้งในปัจจุบันและอนาคต


ถ้าหากว่าเราจะปรับเปลี่ยน อยากจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในทางเสียดสี
หรือว่าเบียดเบียนผู้อื่นของคุณพ่อนะ
ไม่ใช่ว่าเราไปพูดเจาะจงว่าการเสียดสีไม่ดีอย่างไร
เราต้องทำให้ท่านเชื่อโดยรวมเลยว่ากรรมและวิบากมีจริง
และต้อนให้ท่านเห็น คือให้ความรู้ความเข้าใจในเรื่องของกรรมวิบาก
เป็นตัวต้อนให้ท่านเห็นว่าการพูดจาเสียดสี เสียดแทง
หรือว่าเป็นที่ระคายหูแก่ผู้อยู่ด้วยกัน อยู่ใกล้ชิดกัน
ผลที่เกิดขึ้นก็คือ ถ้าหากว่าจะต้องเกิดใหม่ ก็จะได้เกิดในบ้านที่มีแต่ความระคายหู
ในบ้านที่มีแต่ความระคายใจ ในบ้านที่สมาชิกในบ้าน เต็มไปด้วยคนพูดจาเสียดแทง
คนพูดจาไม่เข้าหู คนพูดจาทิ่มตำให้เกิดความเจ็บใจกัน



ก่อนอื่น ถ้าหากว่าท่านไม่มีเบสิกของความเชื่อ ไม่มีเบสิกของศรัทธา
ไม่มีความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องของกรรมวิบาก เราไม่มีทางป้อนข้อมูลชนิดนี้ให้ท่านได้
แล้วการป้อนธรรมะให้ผู้บังเกิดเกล้านี่นะ
เป็นอะไรที่ไม่ใช่เป็นเรื่องง่ายสำหรับผู้เป็นลูก
ลูกเนี่ยนะ ต้องเข้าใจนะ
คุณพ่อคุณแม่เห็นเรามาตั้งแต่ยังเป็นก้อนเลือดก้อนเนื้อ เท่าฝ่ามือ
เรียกว่าเขาเห็นเรามาตั้งแต่ตอนยังไม่รู้ประสีประสาอะไรเลย
จนกระทั่งท่านเลี้ยงดูเรามา ให้เติบโตขึ้นมาทีละวันๆ
ความรู้สึกมันไม่มีทางหรอกที่จะมายอมรับให้เราไปสอนท่านได้
ยกเว้นแต่ว่า เราเอาธรรมะของครูบาอาจารย์ที่เราส่องๆ ดูแล้วเนี่ย น่าจะเข้ากับจริตของท่านได้
แล้วก็ครูบาอาจารย์ที่ท่านพูดถึงเรื่องกรรมวิบาก
ครูบาอาจารย์ที่ท่านพูดถึงหลักความเข้าใจพื้นฐานของพุทธศาสนาว่า
ยืนอยู่บนความจริงที่ว่าสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
และถ้าหากว่ากล่าววจีทุจริตนะ กล่าววาจาที่เป็นการเบียดเบียนกัน
ไม่มีทางที่จะรอดพ้นจากการถูกเบียดเบียนไปได้
ในปัจจุบันก็คือจะต้องได้รับการโต้ตอบจากคนที่อยู่ใกล้ตัว
ในอนาคตก็คือจะต้องไปอยู่ในที่ที่ไม่มีความสงบสุขทางหู
ไม่มีความสงบสุขทางใจอันเกิดจากการอยู่ร่วมกัน
อาจจะหมายถึงการมีศัตรูที่คอยตามทำให้เจ็บใจก็ได้
อาจจะหมายถึงการไปอยู่กับพ่อแม่หรือว่าอยู่ในครอบครัว พี่น้อง ญาติมิตร
ที่เต็มไปด้วยคนอยากจะพูดจาทิ่มแทงกัน



ถ้าหากว่าเราสามารถที่จะทำให้ท่านเชื่อโดยรวมเลยว่าวิบากกรรมมีจริง มันจะง่ายขึ้น
แต่ถ้าหากว่าจะมาพูดกันตรงๆ สรุปก็คือ กรณีเดียวเกี่ยวกับเรื่องการพูดจาเสียดแทง
มันเป็นความเคยชิน มันเป็นนิสัยของท่าน มันเปลี่ยนยากนะครับ
หรือแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เอาเป็นว่าเป็นไปไม่ได้เลยดีกว่า
ลองคิดในทางกลับกัน
ถ้าท่านอยากจะให้คุณเปลี่ยนนิสัยในทางลบอย่างใดอย่างหนึ่ง
หรือว่าแม้กระทั่งนิสัยดี ที่ดีอยู่แล้วหรือว่าพอใช้ได้อยู่แล้ว แต่ว่าไม่ถูกใจท่าน
คุณจะสามารถเปลี่ยนได้หรือเปล่า คุณจะสามารถระงับอกระงับใจได้หรือเปล่า
แต่ถ้าหากว่าท่านไม่ได้ขอให้เปลี่ยน แต่ท่านแสดงให้เห็นว่า
การที่คุณคิด คุณพูด คุณทำอะไรบางอย่าง แล้วจะเกิดผลไม่ดีอย่างไรในวันข้างหน้า
คือสามารถทำให้เห็นได้ชัดๆ ฉายเป็นภาพออกมาเลย อย่างนี้
เราก็จะเกิดความรู้สึกว่า เออ มีแรงบันดาลใจ มีแก่ใจที่จะเปลี่ยนขึ้นมาทันที


มนุษย์ยากตรงนี้แหละ มันไม่สามารถเห็นได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้างหน้า
ถ้าหากกำลังทำในสิ่งที่กำลังทำอยู่ ถ้าหากคิดในสิ่งที่กำลังคิดอยู่ ถ้าหากพูดในสิ่งที่กำลังพูดอยู่
ถ้าหากว่าเห็นนะว่าจะเกิดความเดือดร้อนแค่ไหน ไม่มีใครในโลกเลยที่จะทำผิด
แต่ด้วยความไม่รู้ ทำให้เราไม่เข้าใจ
แล้วก็มีแรงผลักดันมาจากกิเลส ผลักดันให้ทำแค่ไหน เราก็ทำไปแค่นั้น
นี่คือธรรมชาติ นี่คือธรรมดาของโลกอันวุ่นวายนะครับ




แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP