ดังตฤณวิสัชนา Dungtrin's Answer

ศีลบริสุทธิ์ของพระโสดาบันเป็นอย่างไร



ถาม - ศีลบริสุทธิ์ของพระโสดาบันเป็นอย่างไรคะ
เคยอ่านเจอคำอธิบายศีลแต่ละข้อ พอมานั่งคิดตามแล้วยังไม่เข้าใจว่า
จริงๆ ต้องละเว้นอย่างละเอียด ประณีต ซับซ้อนแค่ไหน ถึงจะเรียกว่าบริบูรณ์



ศีลที่ต้องตั้งใจรักษา เรียกว่าเป็นการสำรวมกาย สำรวมวาจา
คือใจจะคิดยังไงก็ได้ ขออย่างเดียวอย่าให้มันแลบออกมาทางกายและทางวาจาก็แล้วกัน
อย่างนั้นเรียกว่าเป็นผู้มีความตั้งใจสมาทานศีล
คือตั้งใจปฏิบัติที่จะงดเว้นการละเมิดศีลทั้งห้าข้ออย่างเด็ดขาดถาวร นี่เรียกว่ารักษาศีล


แต่ถ้าหากว่าเป็นผู้ทรงศีล คือไม่ต้องเป็นพระโสดาบันหรอก
เอาเป็นว่าถ้าเป็นผู้ทรงศีลจริงนะ
มันจะไม่อยากเอาออกมาจากความคิดเลย

ยกตัวอย่างเช่น ถ้าหากว่าเดิมทียังเป็นปุถุชนคนธรรมดา
ที่ใช้ชีวิตแบบไม่ได้มีใครมาบังคับให้ ไม่ได้มีใครมากะเกณฑ์ว่า
เออ ควรจะรักษาศีลอย่างนั้น ควรจะไม่ทำผิดอย่างนี้นะ
ก็จะมีแค่มนุษยธรรม ธรรมะของความเป็นมนุษย์เป็นเครื่องกั้นว่า
ไอ้นั่นควรหรือไม่ควร นี่ลูกเขาเมียใคร เขามีเจ้าของอยู่ เราควรจะไปมีอะไรด้วยไหม
หรือว่าเห็นเป็นมนุษย์นะ แต่มาทำให้เราเจ็บใจ เราควรจะไปฆ่าไหม
หรือว่านี่ของของใคร ทรัพย์ของใคร
เห็นแล้ว แหม มันยั่วตายั่วใจเหลือเกินนะ อยากจะไปเอามาเป็นของตน
มันก็มีมนุษยธรรมเป็นเครื่องกั้นว่า เออ อย่าไปเอา เป็นของเขา นี่
แต่ไม่แน่ แต่ถ้าหากว่าเกิดความอยากขึ้นมาแรงๆ
ก็อาจจะไปฆ่าใครก็ได้ อาจจะไปขโมยของใครก็ได้ อาจจะไปผิดลูกผิดเมียใครก็ได้
นี่เรียกว่าเป็นความไม่แน่นอนแบบกิเลสของมนุษย์



แต่ถ้าหากว่า คนที่รักษาศีล ตั้งใจงดเว้น อย่างเด็ดขาดนะ
ถึงแม้ว่าอยากฆ่าแค่ไหน มีโอกาสฆ่าแล้วได้พลิกฝ่ามือเลย ก็ไม่ฆ่า
เพราะว่าตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่ฆ่า
หรือของจะยั่วยวนตายั่วยวนใจขนาดไหน มีสิทธิ์ที่จะเอามาได้
สามารถที่จะลักเอามาโดยเจ้าของไม่รู้ตัว แต่ก็ตัดสินใจว่าไม่เอา
เพราะว่าตั้งใจไว้ล่วงหน้าแล้ว สมาทานศีลไว้แล้วว่าจะไม่เอา
นี่ อย่างนี้เรียกว่าเป็นผู้รักษาศีล



แต่ถ้าหากเป็นผู้ทรงศีลอย่างแท้จริงนะ
คือผู้ที่มีศีลกำกับใจอย่างชนิดที่เรียกว่าติดแนบแน่น
เป็นหนึ่งเดียว เป็นอันเดียว เป็นธรรมะอันเดียวกับจิตใจแล้ว
แม้แต่กระทั่งความอยากจะฆ่าหรือความอยากจะขโมย
หรือความอยากจะไปผิดลูกผิดเมียใครเขา ก็จะไม่เกิดขึ้น
คืออยู่ๆ จะมายั่วยุกันง่ายๆ ว่าจงไปทำผิดศีล
ปุถุชนคนธรรมดานี่อาจจะโดนยุกันได้ ยุขึ้น
แต่คนที่ทรงศีลแล้ว ยุยังไงก็ยุไม่ขึ้น นี่คือความแตกต่างนะ


เอาเป็นว่าพระโสดาบันก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้ทรงศีล
เพราะฉะนั้นก็เรียกว่าอย่าว่าแต่จะต้องมาห้ามใจ ว่าไม่อยากจะทำนะ แต่ใจนี่ไม่คิดจะทำเลย
ผู้ที่เป็นปุถุชน รักษาศีลได้บริสุทธิ์ ไม่ต้องรักษาใจ รักษาแค่กายกับวาจา
แต่ถ้าเป็นผู้ที่ทรงศีล มีศีลบริสุทธิ์ บริบูรณ์แล้ว
แม้กระทั่งใจก็เรียกว่าไม่ต้องรักษากันแหละ
คือไว้ใจตัวเองได้แล้วว่ายังไงๆ ไม่เอาแน่เรื่องของการผิดศีล




แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP