ดังตฤณวิสัชนา Dungtrin's Answer

ถ้าคิดทะลึ่งหรือคิดไม่ดีกับบางคน จะแก้ไขอย่างไร



ถาม – บางครั้งเมื่อคิดถึงใครสักคนขึ้นมา แล้วชอบคิดไม่ดีหรือคิดทะลึ่ง
รู้สึกไม่ดีที่คิดแบบนั้น พยายามห้ามก็รู้สึกแย่ ควรทำอย่างไรดีคะ
?


เรื่องของความคิด ถ้าเรายิ่งไปสู้กับมัน บางทีแทนที่จะดีมันกลายเป็นยิ่งแย่
โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามันคิดขึ้นมาโดยที่เราไม่รู้เหนือรู้ใต้ ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุว่า
เอ๊ะ! ทำไมเราคิดอย่างนี้ ทำไมมันคิดทะลึ่งแบบนี้
ทำไมมันมีครูบาอาจารย์แท้ๆ ทำไมเราถึงไปคิดไม่ดีกับท่านอะไรแบบนั้น
ความรู้สึกว่านี่เป็นความคิดของเราแน่ๆ นี่เป็นกรรมของเราแน่ๆ
มันจะทำให้เรากลุ้มใจ มันจะทำให้เราเกิดความวิตกกังวลไปว่า
เดี๋ยวจะต้องไปรับผลอะไรไม่ดีหรือเปล่า
คือข้างหน้าจะเป็นยังไงไม่รู้
รู้แต่ว่าตอนนี้ทุกข์ทรมานใจราวกับว่ามีใครเอาเตาร้อนๆ มารมมาอบเราทีเดียว


เพื่อที่จะมีการโต้ตอบกับความคิดไม่ดีอย่างถูกต้อง
ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจว่าความคิดที่มาแบบไม่รู้เหนือรู้ใต้
มันมีเหตุมีผลเสมอ มันมาจากความคิดไม่ดีแบบเก่าๆ นั่นแหละ
เราเคยคิดไม่ดี พูดไม่ดี หรือว่าทำไม่ดีอะไรไว้
ผลมันก็มาสะสมเป็น เขาเรียกว่าเป็นสัญญา เป็นความจำได้หมายรู้
เป็นอาการที่จิตมันไปเหนี่ยวไปดึงเอาลักษณะแบบนั้นมาคิดเอง
เมื่อเกิดการกระทบกับภาพหรือว่าได้ยินเสียงอะไรบางอย่างที่มันกระตุ้นเตือน

ยกตัวอย่างเช่นเราเคยทำเป็นเล่นๆ กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้ เราลืมไปแล้วตั้งแต่ตอนเด็กๆ
แต่ว่าตอนโตขึ้นมาเรามาเจอครูบาอาจารย์
ภาพครูบาอาจารย์ที่มีความศักดิ์สิทธิ์
มันมากระตุ้นเตือนให้นึกถึงสิ่งที่เราเคยทำเล่นๆ ล้อเลียนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้
ก็อาจจะผลิตคำพูดที่มันทะลึ่งตึงตังออกมา
หรือว่าความคิดที่มันแย่ๆ ที่เป็นอคติ ที่มันเป็นอะไรร้ายกาจออกมา
โดยที่เราไม่ได้ตั้งใจเลย มันเป็นคนละคนกันแล้ว
ตอนเด็กมันเหมือนกับตายหายจากไปแล้ว
แต่ว่าไอ้ตัวเราที่ยังเป็นหนุ่มเป็นสาวมันยังอยู่
แล้วมันก็ยังอุตส่าห์ดึงเอาสิ่งที่มันน่าจะสาบสูญไปแล้ว กลับมาคิดใหม่
แล้วมันร้ายกว่าเดิมเพราะว่าคนโตขึ้นความคิดมันก็ซับซ้อนมากขึ้น
ทีนี้ถ้าเรามองว่าจริงๆ แล้วสภาพตอนเราเป็นเด็กมันตายไปแล้ว
มันหายไปแล้ว มันไม่มีอยู่ในโลกนี้แล้ว เหลือแต่ร่องรอยของการกระทำที่สืบเนื่องมา
ตัวตนจริงๆ มันไม่มี มันมีแบบนี้แหละ
พอตัวตนหนึ่งตายไป อีกตัวตนหนึ่งมันก็ต้องมารับผล
เป็นทายาทสืบมรดกของตัวตนก่อนที่มันคลี่คลายมา จากเด็กมาเป็นผู้ใหญ่


พอเราเห็นแบบนี้นะว่า เออ ความคิดไม่ดีมันไม่ใช่ว่าอยู่ๆ เกิดขึ้นลอยๆ มันมีเหตุมีผล
แต่ถามว่าตัวตนของเราตอนนี้ มันเชื้อเชิญความคิดแบบนี้มาอยู่ในหัวหรือเปล่า

ถ้าเราได้คำตอบอย่างชัดเจนปลงใจไปเลยว่า
นี่ไม่ใช่ความต้องการของเราในปัจจุบัน นี่ไม่ใช่เรื่องที่เรามีใจยินดีที่จะให้มันเป็นไป
ก็ถือได้ว่าความคิดไม่ดีที่เกิดขึ้นในหัวในขณะนี้ในปัจจุบันนี้ เป็นเครื่องหมายของอนัตตาได้
ให้เราเรียนรู้ว่าคำว่าอนัตตาหน้าตาเป็นแบบนี้
ไม่ได้ยินดีให้มาอยู่ในหัวแต่มันก็มาอยู่ในหัว
ไม่ได้ยินดีให้เกิดขึ้น มันก็เกิดขึ้น ไม่สามารถที่จะไปบังคับมัน
อยากจะบังคับมันแต่ก็บังคับมันไม่ได้ จะให้เกิดเมื่อไหร่จะให้หายไปเมื่อไหร่
จะให้สามโมงเช้านะมันเกิดความคิดนี้ขึ้นมา ก็บังคับไม่ได้
ถ้ามันไม่อยากเกิด ถ้ามันไม่มีเหตุปัจจัยมากระตุ้นเตือนให้เกิด
หรืออยากจะให้มันหายไปตอนสิบโมงหนึ่งนาที ก็ไม่สามารถให้หายไปได้
ถ้าหากว่าเรายังไปสร้างเหตุปัจจัย ให้ใจมันมีอาการยึดมั่นถือมั่นโดยไม่รู้ ตัว


อาการยึดมั่นถือมั่นมาจากทางไหน
มาจากตรงนี้แหละที่เราไปกังวลมากเกินไป อาจจะด้วยความกลัว กลัวบาปกลัวกรรม
เดี๋ยวเราจะต้องไปตกนรกหมกไหม้ เดี๋ยวเราจะต้องมีความคิดแย่กว่านี้อีก กลายเป็นคนบ้าคนบอไป
อะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้เกิดความรู้สึกพะวง
นั่นแหละอาหารหล่อเลี้ยงความคิดไม่ดี
นั่นแหละตัวที่ทำให้เกิดความยึดมั่นถือมั่นว่าความคิดไม่ดีเป็นเรา
ทั้งๆ ที่ถ้าปล่อยให้มันเกิดขึ้นแล้วเรารับรู้เฉยๆ ว่ามันมาโดยที่เราไม่ได้เชื้อเชิญ
มันอยู่ในหัวเราแป๊บหนึ่ง เดี๋ยวมันก็ต้องจรหายไป
เหมือนแขกแปลกหน้าเยี่ยมหน้าเข้ามา ถ้าหากว่าเราไม่เอาน้ำมาต้อนรับขับสู้
แล้วก็ไม่ไปพยายามขับไล่ให้เขาเกิดอาการฮึดสู้ขึ้นมา เดี๋ยวเขาก็ไปเองหมดแรงเอง



คิดให้ได้แบบนี้ แล้วค่อยๆ ฝึก
คือพอคิดได้ปลงใจได้ มันยังไม่จบนะ มันเป็นแค่จุดเริ่มต้น
อย่างนี้เขาเรียกว่าเป็นการรับฟัง แต่พอไปลงมือปฏิบัติจริง มันอีกแบบหนึ่ง
คือขอให้เราจำไว้ก็แล้วกันว่าเวลาเขามานะ อย่าต้อนรับและก็อย่าขับไล่
แต่ให้รู้ รู้เพื่ออะไร เพื่อที่จะได้เห็นว่ามันไม่จริงนะ
มันไม่ได้เป็นตัวของเราจริงๆ มันมาแล้วก็ไป
เห็นบ่อยๆ เป็นร้อยเป็นพันครั้ง ทุกครั้งอย่าคาดหวังว่ามันจะหายไป
แต่คาดหวังว่ามันจะมาอีกเรื่อยๆ แล้วก็ดูไปอีกเรื่อยๆ ว่า
เออ มันมาอีกแล้ว มาเพื่อที่จะรบกวนจิตใจเรา
แต่ถ้าไม่มีตัวเราอยู่ให้รบกวน มันก็จะมีแต่จิตที่มีสติรู้ ว่า
เออ มาแล้วก็ไป มาแล้วก็ไป เป็นครั้งๆ
ทุกครั้งที่เห็นว่ามาแล้วก็ไป มาแล้วก็ไป ใจมันจะสบายขึ้นเรื่อยๆ
แล้วก็รู้สึกว่ามันรบกวนเราได้น้อยลงเรื่อยๆ
ยิ่งอะไรที่มันมาบ่อยนะ แล้วรบกวนจิตใจของเราไม่ได้นะ
อันนั้นเครื่องมือเจริญสติชั้นดีเลย



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP