ธรรมะจากพระสูตร Dhamma from Sutta

ปุคคลสูตร ว่าด้วยบุคคล ๔ ประเภท


กลุ่มไตรปิฎกสิกขา



[๓๙๓] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ในพระเชตวัน
อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้กรุงสาวัตถี.


ครั้งนั้น พระเจ้าปเสนทิโกศล เสด็จเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ
ถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว ได้ประทับนั่ง ณ ที่สมควรข้างหนึ่ง.


พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสกะท้าวเธอผู้ประทับนั่ง ณ ที่ควรข้างหนึ่งว่า
มหาบพิตร บุคคล ๔ จำพวกนี้ มีปรากฏอยู่ในโลก บุคคล ๔ จำพวกเป็นไฉน?
บุคคล ๔ จำพวก คือ บุคคลผู้มืดมามืดไปจำพวก ๑ บุคคลผู้มืดมากลับสว่างไปจำพวก ๑
บุคคลผู้สว่างมากลับมืดไปจำพวก ๑ บุคคลผู้สว่างมาแล้วสว่างไปจำพวก ๑.


[๓๙๔] มหาบพิตร บุคคลผู้มืดมามืดไปเป็นอย่างไร?
มหาบพิตร บุคคลบางคนในโลกนี้ เกิดมาภายหลังในตระกูลอันต่ำ คือตระกูลจัณฑาล
ตระกูลช่างจักสาน ตระกูลนายพราน ตระกูลช่างรถ หรือตระกูลคนเทขยะ ซึ่งขัดสน
มีข้าวน้ำโภชนาหารน้อย เป็นอยู่ฝืดเคือง เป็นตระกูลที่หาอาหารและผ้านุ่งห่มได้โดยยาก
และเขาเป็นคนมีผิวพรรณทรามไม่น่าดูไม่น่าชม เป็นคนเล็กแคระ มีความเจ็บป่วยมาก
เป็นคนเสียจักษุ เป็นคนง่อย เป็นคนกระจอกหรือเป็นคนเปลี้ย
ไม่ค่อยได้ซึ่งข้าว น้ำ ผ้า ยวดยาน ดอกไม้ ของหอมเครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่อยู่อาศัย
และเครื่องประทีป เขายังประพฤติทุจริตด้วยกาย วาจา ใจ
ครั้นเขาประพฤติทุจริตด้วยกาย วาจา ใจแล้ว
เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก
มหาบพิตร เปรียบเหมือนบุรุษไปจากความมืดมิดสู่ความมืดมิด
หรือไปจากความมืดมัวสู่ความมืดมัว หรือไปจากสายเลือดชั่วสู่สายเลือดชั่ว ฉันใด
มหาบพิตร ตถาคตกล่าวว่า บุคคลนี้มีอุปไมยฉันนั้น
มหาบพิตร บุคคลผู้มืดมามืดไปอย่างนี้แล.


[๓๙๕] มหาบพิตร บุคคลผู้มืดมากลับสว่างไปเป็นอย่างไร?
มหาบพิตร บุคคลบางคนในโลกนี้ เกิดมาภายหลังในตระกูลอันต่ำ คือตระกูลจัณฑาล
ตระกูลช่างจักสาน ตระกูลนายพราน ตระกูลช่างรถ หรือตระกูลคนเทขยะ ซึ่งขัดสน
มีข้าวน้ำโภชนาหารน้อย เป็นอยู่ฝืดเคือง เป็นตระกูลที่หาอาหารและผ้านุ่งห่มได้โดยยาก
และเขาเป็นคนมีผิวพรรณทรามไม่น่าดูไม่น่าชม เป็นคนเล็กแคระ มีความเจ็บป่วยมาก
เป็นคนเสียจักษุ เป็นคนง่อย เป็นคนกระจอกหรือเป็นคนเปลี้ย
ไม่ค่อยได้ซึ่งข้าว น้ำ ผ้า ยวดยาน ดอกไม้ ของหอมเครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่อยู่อาศัย
และเครื่องประทีป แต่เขาประพฤติสุจริตด้วยกาย วาจา ใจ
ครั้นเขาประพฤติสุจริตด้วยกาย วาจา ใจแล้ว
เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์
มหาบพิตร เปรียบเหมือนบุรุษ ขึ้นจากแผ่นดินสู่เตียง หรือขึ้นจากเตียงสู่หลังม้า
หรือขึ้นจากหลังม้าสู่คอช้าง หรือขึ้นจากคอช้างสู่ปราสาท แม้ฉันใด
มหาบพิตร ตถาคตย่อมกล่าวว่า บุคคลนี้มีอุปไมยฉันนั้น
มหาบพิตร บุคคลผู้มืดมากลับสว่างไปเป็นอย่างนี้แล.


[๓๙๖] มหาบพิตร บุคคลผู้สว่างมากลับมืดไปเป็นอย่างไร?
มหาบพิตร บุคคลบางคนในโลกนี้ เกิดมาภายหลังในตระกูลสูง คือตระกูลขัตติยมหาศาล
ตระกูลพราหมณมหาศาล หรือตระกูลคฤหบดีมหาศาล เป็นตระกูลมั่งคั่ง มีทรัพย์มาก
มีโภคะมาก มีทองและเงินมาก มีของใช้น่าปลื้มใจมากมาย มีทรัพย์คือข้าวเปลือกมากมาย
และเขาเป็นคนมีรูปงาม น่าดู น่าชม มีความงามแห่งผิวเป็นเยี่ยม
มักหาได้สะดวกซึ่งข้าว น้ำ ผ้า ยวดยาน ดอกไม้ ของหอมเครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่อยู่อาศัย
และเครื่องประทีป แต่เขากลับประพฤติทุจริตด้วยกาย วาจา ใจ
ครั้นเขาพระพฤติทุจริตด้วยกาย วาจา ใจแล้ว
เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก
มหาบพิตร เปรียบเหมือนบุรุษลงจากปราสาทสู่คอช้าง หรือลงจากคอช้างสู่หลังม้า
หรือลงจากหลังม้าสู่เตียง หรือลงจากเตียงสู่พื้นดิน หรือจากพื้นดินเข้าไปสู่ที่มืด แม้ฉันใด
มหาบพิตร ตถาคตกล่าวว่า บุคคลนี้มีอุปไมยฉันนั้น
มหาบพิตร บุคคลผู้สว่างมากลับมืดไปเป็นอย่างนี้แล.


[๓๙๗] มหาบพิตร บุคคลผู้สว่างมาแล้วสว่างไปเป็นอย่างไร?
มหาบพิตร บุคคลบางคนในโลกนี้ เกิดมาภายหลังในตระกูลสูง คือตระกูลขัตติยมหาศาล
ตระกูลพราหมณมหาศาล หรือตระกูลคฤหบดีมหาศาล เป็นตระกูลมั่งคั่ง มีทรัพย์มาก
มีโภคะมาก มีทองและเงินมาก มีของใช้น่าปลื้มใจมากมาย มีทรัพย์คือข้าวเปลือกมากมาย
และเขาเป็นคนมีรูปงาม น่าดู น่าชม มีความงามแห่งผิวเป็นเยี่ยม
มักหาได้สะดวกซึ่งข้าว น้ำ ผ้า ยวดยาน ดอกไม้ ของหอมเครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่อยู่อาศัย
และเครื่องประทีป และเขายังประพฤติสุจริตด้วยกาย วาจา ใจ
ครั้นเขาประพฤติสุจริตด้วยกาย วาจา ใจแล้ว
เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์
มหาบพิตร เปรียบเหมือนบุรุษก้าวไปด้วยดีจากเตียงสู่เตียง
หรือก้าวไปด้วยดีจากหลังม้าสู่หลังม้า หรือก้าวไปด้วยดีจากคอช้างสู่คอช้าง
หรือก้าวไปด้วยดีจากปราสาทสู่ปราสาท แม้ฉันใด
มหาบพิตร ตถาคตย่อมกล่าวว่า บุคคลนี้มีอุปไมยฉันนั้น
มหาบพิตร บุคคลผู้สว่างมาแล้วสว่างไปเป็นอย่างนี้แล
มหาบพิตร บุคคล ๔ จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในโลก.


[๓๙๘] พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้พระสุคตศาสดา ครั้นตรัสไวยากรณ์นี้จบลงแล้ว
จึงได้ตรัสพระคาถาต่อไปอีกว่า


มหาบพิตร บุรุษเข็ญใจ ไม่มีศรัทธา เป็นคนตระหนี่เหนียวแน่น มีความดำริชั่ว
เป็นมิจฉาทิฏฐิ ไม่มีความเอื้อเฟื้อ ด่าบริภาษสมณะหรือพราหมณ์หรือวณิพกอื่น ๆ
เขาเป็นคนไม่มีประโยชน์ เป็นคนมักขึ้งเคียด ย่อมห้ามคนที่ให้โภชนาหารแก่คนที่ขอ
มหาบพิตรผู้เป็นใหญ่แห่งประชาราษฎร์ คนเช่นนั้นเมื่อตายไป
ย่อมเข้าถึงนรกอันโหดร้าย นี้ชื่อว่าผู้มืดมามืดไป.


มหาบพิตร บุรุษบางคนเข็ญใจ แต่มีศรัทธา ไม่มีความตระหนี่ เขามีความดำริประเสริฐ
มีใจไม่ฟุ้งซ่าน ย่อมให้ทาน ย่อมลุกรับสมณะหรือพราหมณ์ หรือวณิพกอื่น ๆ
ย่อมสำเหนียกในจรรยาอันเรียบร้อย ไม่ห้ามคนที่ให้โภชนาหารแก่คนที่ขอ
มหาบพิตรผู้เป็นใหญ่แห่งประชาราษฎร์ คนเช่นนั้นเมื่อตายไป
ย่อมเข้าถึงไตรทิพยสถาน นี้ชื่อว่าผู้มืดมากลับสว่างไป.


มหาบพิตร บุรุษมั่งมี แต่ไม่มีศรัทธา เป็นคนตระหนี่เหนียวแน่น มีความดำริชั่ว
เป็นมิจฉาทิฏฐิ ไม่มีความเอื้อเฟื้อ ด่าบริภาษสมณะหรือพราหมณ์หรือวณิพกอื่น ๆ
เขาเป็นคนไม่มีประโยชน์ เป็นคนมักขึ้งเคียด ย่อมห้ามคนที่ให้โภชนาหารแก่คนที่ขอ
มหาบพิตรผู้เป็นใหญ่แห่งประชาราษฎร์ คนเช่นนั้นเมื่อตายไป
ย่อมเข้าถึงนรกอันโหดร้าย นี้ชื่อว่าผู้สว่างมากลับมืดไป.


มหาบพิตร บุรุษมั่งมี ทั้งมีศรัทธา ไม่มีความตระหนี่ มีความดำริประเสริฐ
มีใจไม่ฟุ้งซ่าน ย่อมให้ทาน ย่อมลุกรับสมณะหรือพราหมณ์หรือวณิพกอื่น ๆ
ย่อมสำเหนียกในจรรยาอันเรียบร้อย ไม่ห้ามคนที่ให้โภชนาหารแก่คนที่ขอ
มหาบพิตรผู้เป็นใหญ่แห่งประชาราษฎร์ คนเช่นนั้นเมื่อตายไป
ย่อมเข้าถึงไตรทิพยสถาน นี้ชื่อว่าผู้สว่างมาแล้วสว่างไป.


หมายเหตุ. คนกระจอก คือคนเดินขาเขยก ๆ. คนเปลี้ย คือคนเป็นอัมพาต ตายแถบหนึ่ง.


ปุคคลสูตร จบ



(ปุคคลสูตร พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย เล่มที่ ๒๔)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP