วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

อาคม ๓๕


cover-arkom-Final-Front-72 dpi

นวนิยายเรื่องนี้ เขียนขึ้นเพื่อความบันเทิง
หากมีชื่อ-สกุล เรื่องราวใดพ้องกับบุคคลจริง ต้องกราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย




ชลนิล





(ต่อจากฉบับที่แล้ว)



ทีเกื้อเห็นอาการก้มหน้านิ่งของทรงกลดแล้วนึกหวั่น แต่ละวินาทีที่ผ่านไป เขาเห็นเงาดำครอบคลุมชายตรงหน้าขึ้นเรื่อย ๆ เป็นความดำมืดที่แผ่ออกมาจากใจอาฆาต พยาบาท เข้าเกาะกุมแผ่รังสีแผดร้อน จนทำให้ร่างนั้นดูใหญ่โตผิดจากมนุษย์ธรรมดาขึ้นทุกที

นายตำรวจหนุ่มรู้ว่าไม่มีประโยชน์จะเอ่ยปากทักท้วง ห้ามปราม เขาแลเห็นประกายสาสมใจในดวงตาของฮันเตอร์ คิม เมื่อวกกลับไปมองนายศักดิ์ชาย ก็เห็นนัยน์ตาเหลือกลาน เบิกโพลงด้วยความหวาดกลัว ปากอ้าค้าง ไม่มีเสียงร้องเล็ดรอด ร่างนอนนิ่ง ชาด้านเหมือนเป็นอัมพาต ไม่อาจขยับเขยื้อนดิ้นรน มีเพียงเสียงร่ำร้องในใจ ที่กำลังสั่นกระเส่า วิงวอน ขอชีวิต ขอความเมตตา

บรรยากาศในห้องกดดัน อับทึบ ชวนอึดอัด ตะครั่นตะครอ ไฟยังเปิดสว่างแท้ ๆ กลับดูไม่สว่างเท่าที่ควร คล้ายมีม่านมืดบาง ๆ กางกั้น ปกคลุม เป็นผ้าม่านแห่งความเกลียดชัง...และความตาย!

ทรงกลดไม่ใช่ทรงกลดคนเดิมอีกต่อไปแล้ว ใบหน้าเขาเผือดขาวจนซีด ลูกนัยน์ตาเป็นสีดำสนิทจนหมด เปล่งประกายอำมหิตอย่างไม่เคยมีมาก่อน

อำนาจแห่งความเกลียดชัง คั่งแค้น ผสานกับมหาอาคม มนตราขั้นสุดยอดที่มี ก่อให้เกิดอสูรร้าย แผ่รังสีดำมืด ชั่วร้าย รุนแรง น่ากลัว

อสูรทรงกลดเงยหน้าช้า ๆ ใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็นสีเทาคล้ำ แววตาแทบไม่เหลือความเป็นมนุษย์ วาดมือทั้งสองออกมาข้างหน้า ฝ่ามือขาวซีดเหยียดตรงยังร่างนายศักดิ์ชาย พลังฝ่ายมืดขั้นสูงสุดที่มีอำนาจทำลายล้างได้ทั้งกองทัพ กำลังก่อตัวอยู่ใจกลางฝ่ามือทั้งสองนั้น

นายศักดิ์ชายตัวสั่นระริก ลมหายใจแทบหายห้วง บุคคลตรงหน้าเปล่งรังสีอำมหิต น่ากลัวยิ่งกว่าพญามัจจุราช อาการป่วยของเขาเช่นนี้ แค่ปลายนิ้วสะกิดนิดเดียวก็ดับดิ้นได้ ทรงกลดกลับใช้ร่างที่เหมือนเทียนใกล้ดับของเขา เป็นเครื่องมือระบายความแค้น ความเจ็บปวดที่สะสมมานานนับปี

มันเป็นสิ่งที่ทรงกลดยามมีสติไม่ยินยอมกระทำเด็ดขาด ทว่า...อสูรทรงกลดตนนี้ กลับกระทำได้ทุกเรื่องราว ตามอำนาจฝ่ายต่ำที่ครอบงำจิตใจตน



ทีเกื้อมองคนทั้งสอง เห็นความแตกต่างชัดเจน...หนึ่งคืออสูรร้าย ผู้ทรงมหิทธิ อีกหนึ่งเป็นแค่มนุษย์ตัวกระจ้อย โดนโรคร้ายเบียดเบียน ใกล้ตาย

เห็นอย่างนี้ จิตใจทีเกื้อก็เกิดเมตตาขึ้นมาตามธรรมชาติ...เมตตา สงสาร สมควรช่วยเหลือ

เขาไม่คิด ไม่สนใจว่านายศักดิ์ชายเคยทำเรื่องเลวร้ายมากมายเพียงใด เป็นคนชั่วที่สมควรถูกประณามแค่ไหน ในสายตาทีเกื้อยามนี้ เขาคือคนป่วยที่อ่อนแอคนหนึ่ง ซึ่งกำลังจะถูกข่มเหงจากคนที่เหนือกว่าตนอย่างเปรียบเทียบกันไม่ได้

อสูรทรงกลดปล่อยพลังมืดจากฝ่ามือออกมาเต็มกำลัง เป็นพลังโหดร้าย เผ็ดร้อน เค้นมาจากจิตใจที่อาฆาต เกลียดชังเต็มที่ ต่อให้เป็นทหารทั้งกองทัพก็ไม่สามารถต้านทานอยู่ นับประสาอะไรกับคนป่วยใกล้ตายคนหนึ่ง

คลื่นอำมหิตสีดำสนิท เข้มข้น พุ่งตรงมายังนายศักดิ์ชาย และก่อนที่พลังนั้นจะมาถึงร่างเหยื่อที่หมดทางต่อสู้ หนีตาย ก็มีร่างของทีเกื้อก้าวเข้ามายืนบังไว้ก่อน

กระแสอำมหิตที่มีพลังทำลายล้างสูงสุด ซัดใส่ร่างนายตำรวจหนุ่มเต็มแรง โอกาสรอดแทบไม่มีเลย...ถ้าไม่เกิดปาฏิหาริย์ขึ้นมา

ใช่แล้ว...ปาฏิหาริย์...

แทนที่ร่างทีเกื้อจะแหลกเป็นจุณ หาชิ้นส่วนซากศพไม่ครบ พลังมืดนั้นกลับปะทะเข้ากับพลังอ่อนนุ่มบางอย่าง ที่ซึมซับ ดูดกลืนพลังดำ แล้วสลายมันให้ละลายหาย กลายเป็นสายลมผะแผ่ว

อสูรร้ายทรงกลดไม่อาจรู้ สำเหนียกสิ่งใดได้ สติเขาถูกครอบงำด้วยมนต์มืด และความพยาบาท ต้องปลดปล่อยพลังร้ายออกมาจนหมดเสียก่อน จึงจะรู้สึกตัว

คนที่เบิกตากว้าง มองอย่างตื่นตระหนกที่สุดคือฮันเตอร์ คิม เขาไม่เชื่อว่าจะมีสิ่งใดมาต้านมนต์ดำ พลังมืดระดับนี้ได้ แต่สิ่งที่เห็น...พลังของทีเกื้อไม่ได้ต่อต้านอาคมร้าย...มันกำลังเปลี่ยนแปลง คลี่คลายความร้อนแรง แสบร้อนให้กลับสู่ความสมดุล กลายเป็นพลังงานสะอาด กลมกลืน จางหายไปกับบรรยากาศโดยรอบ มิได้สะท้อนคืนกลับมาแก่ฝ่ายตรงข้ามแม้แต่น้อย

เป็นไปได้อย่างไร...มีพลังเช่นนี้อยู่ในโลกจริงหรือ?



ขณะที่ทีเกื้อก้าวมายืนขวางพลังร้าย ปกป้องชีวิตนายศักดิ์ชายนั้น เขาไม่ได้คิดอะไรมากมาย ไม่ได้รวบรวมพลังใดมาต่อต้าน

ทีเกื้อแค่มีใจเมตตา สงสาร อยากช่วยเหลืออย่างจริงใจ โดยไม่ห่วงตนเอง...แล้วจิตใจก็บังเกิดความอบอุ่นขึ้นมา...หัวใจอุ่นๆเช่นนี้ ไม่แตกต่างจากตอนเอื้อกานต์ยามเยาว์วัย ที่ใช้มันรักษานกตัวน้อย และลูกหมาถูกรถชน

ความรู้สึกบริสุทธิ์ จริงใจ เป็นแบบเดียวกับที่หนูน้อยผักกาดมีให้แก่ คุณหมอเจ้าหญิงของเธอ ต่างกันแค่ ในตัวทีเกื้อมี ของเก่าพลังพิเศษที่ไม่แตกต่างจากเอื้อกานต์ เป็นพลังที่ถูกนำมาใช้เฉพาะยามที่ไม่ได้จงใจ เป็นพลังบริสุทธิ์ใส ที่ไม่ใช่ทั้งสีขาว และสีดำ

พลังนี้เสมือนน้ำสะอาด ที่สามารถชะล้างความสกปรก โดยไม่มีใครแปดเปื้อน

เป็นพลังที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ว่ามี...ไม่รู้ว่ามันถูกสะสม เจริญงอกงามขึ้นมาตามวันเวลา ที่ตนฝึกฝน ใช้ชีวิต ช่วยเหลือผู้อื่นจนเป็นปกติ และมาเพิ่มกำลังมากขึ้น ตั้งแต่ฝึกใช้พลังสีขาวรักษานายเดชา จนมาถึงการช่วยรักษา เยียวยาเอื้อกานต์ ตลอดสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา

เพราะทีเกื้อไม่รู้ว่ามันมี จึงสามารถใช้ได้โดยไม่จงใจ เพราะใจมีเจตนาบริสุทธิ์ คิดแค่เพียงช่วยเหลือล้วน ๆ จึงได้พลังงานบริสุทธิ์ใส กระทั่งพลังฝ่ายมืดขั้นสูงสุด ก็ยังถูกชำระล้างให้จางหายไปได้



เวลา...เคลื่อนผ่านเนิ่นนาน คลับคล้ายนับร้อยปี...ทั้งที่จริง มันผ่านเพียงชั่วครู่เดียว อสูรร้ายทรงกลดก็หยุดนิ่ง เงามืดที่ครอบคลุมจางหาย ความรู้สึกตัวค่อยกลับคืนมา

สิ่งแรกที่ทรงกลดเห็นคือ ใบหน้าสงบนิ่งของทีเกื้อ นัยน์ตาอ่อนใส อ่อนโยนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน สิ่งต่อมาคือร่างที่สั่นงันงกของนายศักดิ์ชาย ที่เพิ่งรอดพ้นจากความตายอย่างเหลือเชื่อ

ทรงกลดจ้องตาทีเกื้อ โทสะในใจคุกรุ่น อสูรร้ายในใจเริ่มโตขึ้นมาอีก

ชายหนุ่มรุ่นน้องคนนี้ถือดีอะไร ถึงกล้ามาขัดขวางเขา...ขัดขวางผู้ทรงอาคมอันยิ่งใหญ่ ขัดขวางพลังที่เขาฝึกฝนมาอย่างยากลำบาก ด้วยการกระทำที่ดูง่ายดาย

ชัยชนะที่ทีเกื้อได้มาอย่างง่ายดาย กระทบอัตตาในใจทรงกลดขนานใหญ่ ทำให้เกิดความโกรธเคืองขึ้นมาอย่างแรง ตั้งใจจะซัดสาดพลังของตนเข้าใส่อีกครั้ง เพื่อดูสิว่า ใครจะแน่กว่ากัน

ทว่า...เมื่อได้เห็นหน้า สบตาทีเกื้อ...ทรงกลดก็เห็นใบหน้าเอื้อกานต์ซ้อนขึ้นมา

เอื้อกานต์...พี่สาวฝาแฝดทีเกื้อ...ผู้หญิงคนเดียวที่เขารัก และยังครอบครองหัวใจเขาอยู่จนถึงทุกวันนี้

ความรักกล่อมเกลาจิตใจทรงกลดให้อ่อนโยนลงชั่วขณะ อสูรร้ายในใจหายวับ เกิดมีสติขึ้นมา



เมื่อได้สติ เขาก็ใช้สัมผัสแห่งจิต เข้าไป อ่านสิ่งที่อยู่ในใจชายหนุ่มรุ่นน้อง แล้วก็ได้ รับรู้ ว่าทีเกื้อรู้สึกอย่างไร และยังได้ เห็น ว่าจิตใจแห่งผู้ให้ จิตใจที่มีความปรารถนาดี เกื้อกูลต่อคนอื่นมันงดงามขนาดไหน

ชั่วครู่ ที่ดูเหมือนไม่นาน...ทรงกลดสามารถซึมซับ แยกแยะมองเห็นจิตของทีเกื้อ เปรียบเทียบกับจิตของตนยามเป็นอสูรร้ายได้ชัดเจน แล้วในหัวก็เกิดความขัดแย้งขนานใหญ่

เกิดความสงสัยว่าทั้งหมดที่เขากระทำ มันถูกต้อง สมควรแล้วหรือ?

ถ้าเขาไม่ทำเช่นนี้ คนชั่วก็ลอยนวล ไม่มีใครเอาผิดได้ คนดีอีกมากก็อาจกลายเป็นเหยื่อของพวกมัน

สิ่งที่เขากระทำไป...ไม่ผิด...ไม่ผิดแน่นอน!

เมื่อความคิดแตกแยกเป็นสองเช่นนี้ สงครามภายในใจจึงเกิดขึ้น เป็นสงครามที่เจ้าตัวไม่อาจตัดสินให้ใครเป็นฝ่ายชนะได้



ฮันเตอร์ คิมสามารถมองเห็นความคิดสับสน สงครามขัดแย้งในหัวของลูกศิษย์ตน จึงเอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงแปร่งแปลก

หึหึ...แฝดพี่ขัดขวางการสังหารนังคุณหญิงนั่น ส่วนแฝดน้องก็ขัดขวางการสังหารคนชั่วที่บงการอยู่เบื้องหลังแผนการร้าย...ทรงกลด...แกจะทำยังไง...ล้มเลิกความแค้นเสียดีมั้ย ให้อภัยพวกมันไปเลย ถึงอย่างไร ผู้ทรงอาคมอย่างพวกเรา ย่อมไม่ลดตัวลงไปสังหารเหยื่อซ้ำเป็นครั้งที่สองหรอก

ทรงกลดเงยหน้า หันไปมองผู้เป็นอาจารย์ น้ำเสียงอันแปร่งแปลก แทรกอารมณ์ขัดเคือง ผิดหวังเช่นนี้ กระตุ้นให้เขาเกิดความสงสัย...อาจารย์กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่

พอสงสัย จิตทรงกลดก็เข้าไปรู้ อ่านสภาวะจิตใจของอาจารย์อย่างรวดเร็ว

ด้วยกำลังสมาธิที่มั่นคงหนักแน่น จากการฝึกฝนต่อเนื่องมาหลายสัปดาห์ ทำให้จิตของเขาไวพอที่จะ รู้ หนำซ้ำยังรู้ลึกซึ้งเกินกว่าที่คาดไว้

ทรงกลดรู้ว่าฮันเตอร์ คิมกำลังคิดอะไร มีเจตนาอะไร และที่สำคัญ เขารู้ด้วยว่า อาจารย์ของตนมีความเป็นมาอย่างไร!

หลังจากได้รู้จักอาจารย์ของตนมากมาย ภายในเวลาสั้น ๆ เช่นนี้ ทรงกลดก็นิ่งคิดทบทวนอยู่นาน

เขารู้ว่าอาจารย์ต้องการกระตุ้นให้ลงมือสยบทีเกื้อ และฆ่านายศักดิ์ชายเสีย...ไม่ใช่เพื่อเป็นการแก้แค้นของตัวเขาเอง แต่เป็นการแก้แค้นให้อาจารย์!



นายศักดิ์ชายไม่เคยสร้างบาดแผลรอยแค้นให้ฮันเตอร์ คิม เพียงแต่ ฮันเตอร์ คิมมีความแค้น เกลียดชังคนชั่วที่มีอำนาจทุกคน และเป็นการเกลียดชัง แค้นเคือง อาฆาตอย่างฝังลึก จนตั้งปณิธานว่าตลอดชีวิตนี้ จะตามล่าล้างคนชั่วที่มีอำนาจ แล้วใช้อำนาจของตนเบียดเบียนคนอ่อนแอกว่าให้หมดสิ้นไปจากโลก

เพราะอะไร?

เพราะเขาเคยได้รับความอยุติธรรมแบบเดียวกับที่ทรงกลดโดน แต่หนักหนากว่าหลายร้อยเท่า

ทรงกลดสูญเสียแค่ครอบครัว สมบัติ คนรัก

ฮันเตอร์ คิมสูญเสียทั้งครอบครัว แผ่นดิน ฐานันดรศักดิ์ เกียรติยศ ต้องเร่ร่อนไปอาศัยแผ่นดินอื่นอยู่ตั้งแต่อายุยังน้อย เกียรติ ศักดิ์ศรี ความภูมิใจในชาติกำเนิดของตนต้องถูกย่ำยี

จากคนที่เคยอยู่จุดสูงสุด กลับกลายเป็นคนเดินดินที่ไม่มีคุณค่าให้ใครเหลือบแล

กว่าฮันเตอร์ คิมจะฝึกฝนสารพัดวิชาอาคม เพื่อมาล้างแค้น สังหารกลุ่มคนที่ชิงอำนาจของเขาได้สำเร็จ ก็ช้าเกินไป อย่างไรเสีย...แผ่นดินเป็นของคนอื่นไปแล้ว คนเลวกลุ่มนั้นตาย ก็ยังมีคนกลุ่มใหม่ขึ้นมาครองอำนาจแทนอยู่ดี

การแก้แค้นไม่สามารถทำให้จิตใจฮันเตอร์ คิมสงบลง กลับปลุกไฟแค้นในใจให้ลุกโชน เป้าหมายแห่งความเกลียดชังก็ขยายกว้างไกลออกไป...เป็นคนชั่วที่กำลังครองอำนาจทั่วโลก

ที่ฮันเตอร์ คิมช่วยชีวิตทรงกลดบนเครื่องบิน ส่วนหนึ่งเพราะเห็นเงาชีวิตของตนบางส่วน อยู่ในตัวชายคนนี้ และเมื่อได้สั่งสอนสรรพวิชา เขาก็แอบหวังให้ทรงกลดรับช่วงปณิธาน เป็นฮันเตอร์ คิมต่อจากเขา!



ทรงกลดยังก้มหน้านิ่ง ครุ่นคิด ไตร่ตรอง หาความต้องการในจิตใจของตนเองให้กระจ่างชัด มองเห็นเส้นทางเดินถูกแยกออกเป็นสองสาย

สายแรก รักษาความแค้นเอาไว้ ฆ่านายศักดิ์ชายเสีย เขาเชื่อว่าคราวนี้ทีเกื้อไม่มีทางขัดขวางได้ เพราะเมื่อครู่ เจ้าตัวก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต่อต้านพลังมืดขั้นสูงของเขาได้อย่างไร

หากเมื่อเลือกเส้นทางสายนี้แล้ว สุดท้ายเขาก็คงเจริญรอยตามอาจารย์ รับช่วงเป็นฮันเตอร์ คิมคนที่สอง

นี่เป็นสิ่งที่เขาต้องการอย่างแท้จริงหรือไม่?

ส่วนทางเลือกอีกสาย...วางมือ ให้อภัย ยอมรับความผิดที่ก่อ กลับสู่ความเป็นทรงกลดคนเดิม เข้ามอบตัวกับทีเกื้อ ชดใช้บาปกรรมที่ตนเองกระทำ

เขาเชื่อว่า...หลังจากชดใช้ความผิดแล้ว จะได้เจอเอื้อกานต์รอคอยอยู่ที่ปลายทาง

มันจะมีโอกาสเป็นไปเช่นนั้นได้หรือไม่...?

แล้ว...มีทางเลือกที่สามหรือเปล่า?



ทรงกลดนิ่งเงียบไปนาน กระทั่งฮันเตอร์ คิมที่คอยอ่านความคิดอันสับสนในใจลูกศิษย์มาตลอดก็ยังตอบไม่ได้ว่าฝ่ายนั้นจะเลือกเดินบนเส้นทางไหน

ทีเกื้อมองคนเหล่านั้นอย่างไม่เข้าใจเบื้องลึกเบื้องหลัง แค่มีความรู้สึกว่าทรงกลดกำลังมีเรื่องตัดสินใจครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิต เขาจึงได้แต่ยืนนิ่ง ไม่เอ่ยปาก ไม่แสดงอาการใด ๆ ออกมา

ในที่สุด ทรงกลดก็ตัดสินใจได้ ใบหน้าที่คล้ายรูปสลักของเขาค่อยคลี่คลายออก ไม่มีรอยยิ้ม ไม่แฝงความอาฆาต นัยน์ตาสีดำเข้มไม่แสดงความรู้สึก เดินหลบร่างทีเกื้อแล้วเข้าไปยืนข้างเตียงคนป่วยด้วยฝีเท้าแผ่วเบา รวดเร็ว

ที่เร็วกว่านั้นคือฝ่ามือ...มือของทรงกลดยกไปตบกระหม่อมของนายศักดิ์ชายอย่างรวดเร็ว เกินกว่าใครจะยับยั้ง ทัดทานได้

พี่กลด!”

ทีเกื้อตะโกนลั่นด้วยความตกใจ ผิดหวัง ตั้งใจกระโจนเข้าไปยับยั้ง แต่ร่างเขากลับแข็งทื่อกลายเป็นหิน ไม่มีความรู้สึก ไม่อาจขยับเขยื้อนได้

คนที่มีพลังสะกดเขาเช่นนี้ มีแค่สองคนในห้อง คือทรงกลด กับฮันเตอร์ คิม

แรกทีเดียว ทีเกื้อคิดว่าฮันเตอร์ คิมเป็นคนสะกดเขาไว้ เพื่อให้ทรงกลดลงมือสะดวก แต่พอเหลือบตาไปมองชายผู้มีใบหน้าอยู่หลังหน้ากาก ก็รู้สึกแปลกใจ

ฮันเตอร์ คิมกำลังจ้องมองทรงกลดด้วยแววตาอันยากบรรยาย มันปนเปไปด้วยความผิดหวัง เสียใจ แค้นเคืองและบางวูบของความรู้สึกในนั้นคือยินดี!

ทีเกื้อเหลือบตากลับไปมองทรงกลดอีกครั้ง วางใจเป็นกลาง แล้วคอยสังเกต การกระทำของอีกฝ่าย...

มือข้างนั้นไม่ได้ตั้งใจตบกระหม่อมอย่างรุนแรงเพื่อสังหารชีวิต มันวางอยู่นิ่ง ๆ แล้วแผ่พลังบางอย่าง พร้อมกับริมฝีปากขยับสวดท่องมนต์บางบทที่ฟังไม่เข้าใจ

ครู่ใหญ่ ทรงกลดค่อยยกมือออก นายศักดิ์ชายก็ฟุบลงกับหมอน นัยน์ตาหลับสนิท ไม่มีเรี่ยวแรงหลงเหลือ

ทีเกื้อยังขยับตัวไม่ได้ เขามองเห็นทรงกลดเดินเข้าไปหาฮันเตอร์ คิมแล้วคุกเข่า โขกศีรษะให้สามครั้งเป็นการขอขมา

แน่ใจแล้วหรือ ที่จะเลือกเส้นทางนี้ น้ำเสียงฮันเตอร์ คิมราบเรียบ ความรู้สึกอันเร้นลึกคือเจ็บปวด ผิดหวัง

ครับ

แล้วแกจะไม่นึกย้อนเสียใจ

ครับ

หึหึ... เสียงหัวเราะของคนเป็นอาจารย์ฟังคล้ายเสียงสะอึก ความรู้สึกบางอย่างจุกตันในลำคอ ฝีมือแกตอนนี้ไม่ด้อยกว่าฉันแล้ว...อยากทำอะไรก็เชิญ ฉันไม่สามารถสั่งอะไรแกได้อีกแล้วนี่

อาจารย์...

ทรงกลดพยายามเรียกรั้ง เพื่อต้องการอธิบาย ฮันเตอร์ คิมกลับหันหลัง ออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วราวกับสายลม

ชายหนุ่มผู้ทรงอาคมถอนใจยาว ลุกขึ้นอย่างอ่อนใจ หันมองทีเกื้อแล้วยิ้มให้...ฉับพลัน ร่างที่แข็งทื่อก็ขยับเขยื้อนได้ตามปกติ

พี่กลด... ทีเกื้อเอ่ยปาก มีคำถาม ข้อสงสัยมากมายอยากพูด

เกื้อ ทรงกลดสวนคำด้วยวาจาอ่อนโยน อย่าลืมสัญญาที่เคยให้ไว้กับพี่นะ

ทีเกื้ออึ้ง นึกถึงคำพูด คำขอร้องที่ทรงกลดเคยบอกไว้บนดาดฟ้าโรงพยาบาล

ทำไมครับ...พี่กลดเลิกคิดแก้แค้นแล้วไม่ใช่เหรอ...ทำไมไม่กลับเป็นทรงกลดคนเดิม พี่จะทิ้งเอื้อไปอีกทำไม

ทรงกลดเลิกคิดแก้แค้น...ทีเกื้อรู้ เพราะการกระทำเมื่อครู่ ไม่ใช่การฆ่าคน แต่เป็นการช่วยชีวิตคนป่วย

การที่พี่ไม่อยากฆ่าใครอีก ไม่ได้หมายความว่าความแค้นในใจจะหายไป...และต่อให้พี่ละทิ้งทุกอย่างในปัจจุบัน ก็ใช่ว่าจะได้ทรงกลดคนเดิมกลับคืนมา

ทีเกื้ออึ้ง พูดอะไรไม่ออก ทรงกลดถอนใจยาวก่อนพูดช้า ๆ

ที่พี่ช่วยนายศักดิ์ชาย ไม่ได้หมายความว่าพี่ให้อภัยเขาแล้ว...แต่พี่อยากให้โอกาสเขาได้ทำสิ่งดี ๆ ในชีวิตก่อนตาย...เกื้อช่วยบอกนายศักดิ์ชายด้วยก็แล้วกัน ว่าที่จริง มะเร็งของเขาลุกลามเร็วมากจนไม่มีทางรอดเกินเจ็ดวันอยู่แล้ว แต่พี่ใช้อาคมช่วยยับยั้งมันไว้ชั่วคราว ได้เต็มที่แค่สองเดือน มากกว่าที่หมอของเขากำหนดไว้เดือนนึง...บอกเขาแล้วกันว่า...ถ้าเขาใช้เวลาสองเดือนนี้ให้เป็นประโยชน์แก่คนอื่นได้ มันก็จะเป็นสองเดือนที่มีค่า มากกว่าเวลาตลอดชีวิตของเขาเอง

พี่กลด... ทีเกื้อพูดราวกับวิงวอน เขาไม่ได้อยากรู้เรื่องของนายศักดิ์ชาย แต่อยากให้คนที่ตนเห็นเป็นพี่ชายคนนี้กลับคืนมา

พี่กลับมาเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้วล่ะเกื้อ ทรงกลดพูดราวกับรู้ใจ พี่ทำบาปมากเกินไป และเวลานี้พี่ไม่คิดที่จะยอมมอบตัว เข้าคุกเพื่อให้เอื้อต้องมาเจ็บปวด ทุกข์ใจไปกับพี่

ทีเกื้อนิ่ง เขารู้จักพี่สาวของตนเองดี...เมื่อไหร่ที่ทรงกลดกลับมา หัวใจของเธอต้องอยู่กับเขา ต่อให้รู้ว่าคนรักถูกจำคุกตลอดชีวิต เอื้อกานต์ก็ยอมใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อรอคอยความหวังว่าเขาจะได้ออกมา

แม้จะรู้ว่าทรงกลด ไม่ใช่คนเดิมที่เธอเคยรักเมื่อห้าปีก่อนก็ตาม

สัญญานะ ทรงกลดย้ำ



ทีเกื้อเข้าใจทรงกลด รู้ใจเอื้อกานต์ เพราะเป็นอย่างนี้ เขาถึงนิ่งเงียบ ลำคอจุกตัน ไม่อาจเอ่ยปากรับคำ ทำได้แค่ก้มหน้านิ่ง ไม่ปฏิเสธคำขอร้องนั้น

ทรงกลดยิ้ม เข้ามาตบไหล่ทีเกื้อเบา ๆ น้ำหนักมือที่ลงมา ความอบอุ่นที่สัมผัสได้ บอกชัดว่า อีกฝ่ายยังเป็นมนุษย์ ผู้มีจิตใจสมบูรณ์ ไม่ใช่อสูรร้ายผู้ทรงอาคมกล้าอย่างที่ผ่านมา

เมื่อเงยหน้าขึ้น ทรงกลดก็หายตัวไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงความเงียบงันของบรรยากาศยามดึกสงัด ทีเกื้อรู้สึกเคว้งคว้าง ใจวูบหาย...ไม่ต่างจากถูกทิ้งไว้เพียงเดียวดาย บนโลกร้าง ไร้ผู้คน

ทรงกลดจากไปแล้ว ไม่รู้จะมีโอกาสได้เจอกันอีกหรือไม่...การมีชีวิตอยู่ แต่เสมือนตายจากกันเช่นนี้ มันชวนให้ทุกข์ทรมานใจเกินกว่าจะบรรยาย



- - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -



บนเนินเขาเหนือรีสอร์ต

ฮันเตอร์ คิมยืนนิ่งเป็นเงาดำราวกับรูปสลัก สายลมยามดึกพัดกรรโชก พาให้ชายเสื้อของเขาปลิวสะบัด ทรงกลดเดินเข้ามาหาช้า ๆ ก่อนคุกเข่าอยู่ตรงหน้า

ผมรู้ว่าอาจารย์ยังรอผมอยู่

ใช่

คงเพราะอยากถามว่าทำไมผมถึงเลือกเส้นทางสายนี้

แกไม่เดินตามรอยฉัน และไม่กลับไปเป็นทรงกลดคนเดิม...ทำไม?

ไม่มีทรงกลดคนเดิมอีกแล้วครับ...มีแต่ทรงกลดที่เต็มไปด้วยบาปกรรมมากมาย

ฆ่าคนชั่วมันบาปตรงไหน

การฆ่าคน ยังไงก็เป็นความผิด เป็นบาปที่เรารู้แก่ใจตนเอง

เพราะอย่างนั้น แกก็เลยไม่ยอมเดินตามรอยของฉัน

ครับ...ผมเห็นทางเลือกที่สามแล้ว

ทางเลือกที่สามคืออะไร?

ใช้ อาคมที่มี ช่วยให้เกิดประโยชน์แก่คนอื่น

เหมือนอย่างที่แกใช้ต่อชีวิตคนเลวอย่างนายศักดิ์ชายอย่างนั้นหรือ?

คนดีก็มีโอกาสทำชั่ว...คนเลวก็อาจทำความดีได้อย่างที่ใครก็คิดไม่ถึง ถ้าเขารู้สึกตัว และมีโอกาส

หึหึ...แกคิดเหรอว่าคนชั่วอย่างมัน พอได้เวลาเพิ่มมาเป็นสองเดือนแล้วจะขยันทำดี...ฉันว่ามันน่าจะไปตามเช็คบิลพวกคอยเขมือบสมบัติของมันมากกว่า

หน้าที่ของผมคือให้โอกาส...ที่เหลืออยู่ที่ตัวเขาเองว่าจะใช้โอกาสนั้นไปทำอะไร

ทำไมแกถึงเลือกเส้นทางนี้

เมื่อหัวค่ำ ตอนผมเผชิญหน้ากับท่านรองฯ นายตำรวจที่ผมนับถือเป็นคุณอา ผมได้บอกกับท่านว่า...ผมต้องการทำหน้าที่เป็นตัวแทนกฎแห่งกรรม ทำให้คนชั่วได้รับผลกรรมอย่างรวดเร็วทันตาเห็น

ก็คิดถูกแล้วนี่

แต่ถ้าคิดในมุมกลับ...ผมอาจเป็นตัวแทนของกฎแห่งกรรมในอีกด้านหนึ่งก็ได้

ยังไง?

ผมสามารถใช้ อาคม ที่มี ช่วยเหลือเกื้อกูลคนดี ยามที่เขามีภัยหรือเจอปัญหาหนัก ๆ จนไม่อาจแบกรับได้

ฮันเตอร์ คิมนิ่งอั้น ฟังคำพูดของทรงกลดโดยไม่คัดค้าน

คาถา อาคมมันก็เป็นเหมือน อาวุธชิ้นหนึ่ง โดยตัวของมันเองไม่อาจเป็นคุณ หรือเป็นโทษกับใครได้ อยู่ที่เจ้าของอาคมเป็นผู้เลือกใช้

ทรงกลดเงยหน้ามองอาจารย์แวบหนึ่งแทนการขออภัย

ที่ผ่านมา ทั้งอาจารย์และผม ใช้อาคมที่มีในการทำลายล้าง สังหารคนชั่ว คนเลว ผู้คนที่ก่อความเดือดร้อนแก่คนอื่น แต่การทำอย่างนั้น จะมากจะน้อยก็ย่อมมีผลสะท้อนกลับมาถึงตัว...อย่างผมที่เจอพวกปีศาจทวงชีวิตเหล่านั้น ซึ่งต่อให้ผมมีอาคมแกร่งกล้าแค่ไหน พวกมันก็คงไม่ยอมเลิกราง่าย ๆ จนกว่าผมจะชดใช้บาปกรรมให้มันจนหมด

ชายหนุ่มหยุดพูดนิดนึง สังเกตปฏิกิริยาคนเป็นครู

เวลานี้ ผมไม่พร้อมจะชดใช้กรรมทางโลก ยังไม่อยากติดคุกให้คนที่ผมรักต้องเป็นทุกข์ เศร้าใจซ้ำสองหลังจากที่คิดว่าผมตายไปแล้วถึงห้าปี...ผมจึงเลือกเส้นทางที่จะใช้อาคมของตัวเองไปสร้างประโยชน์ ช่วยเหลือคนดีแทน

หึหึ...การทำอย่างนั้น ถึงจะเป็นการสร้างความดี แต่แกก็จะไม่มีโอกาสพบเธออีกเลยจนตาย แกอาจจะได้เห็นเธอแต่งงานกับผู้ชายคนอื่น มีลูก มีครอบครัว แล้วก็จะลืมแกไปในที่สุด

ฮันเตอร์ คิมพูดเยาะหยัน หวังให้อีกฝ่ายเกิดโทสะ ปลุกอสูรร้ายในตัวอีกครั้ง

ผมก็อยากให้เป็นอย่างนั้นครับ คำพูดของทรงกลดทำให้อีกฝ่ายผิดคาด ผมหวังให้เอื้อเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดในโลก แม้ว่าจะต้องลืมผมอย่างสนิทใจไปเลยก็ตามที

คำพูดตรง วาจาบอกความจริงใจชัดเจนเช่นนี้กระแทกใจคนเป็นอาจารย์อย่างแรง

อืม... เสียงฮันเตอร์ คิมอ่อนลง แสดงว่าจากนี้ไป เราคงต้องเดินกันคนละทางแล้ว

ไม่ว่ายังไง อาจารย์ก็ยังคงเป็นอาจารย์ของผมตลอดไป

ฮันเตอร์ คิมยกมือขึ้นลูบหน้า ดึงหน้ากากหนังออก เผยให้เห็นใบหน้าขาวสะอาด มีริ้วรอยวัยชราแตะแต้ม จมูกโด่งคมเป็นสันชัด นัยน์ตาโตคมลึก บอกเชื้อชาติความเป็นอารยัน ผมเส้นใหญ่เป็นลอนแซมหงอกขาว ริมฝีปากหนาได้รูปสวย กำลังขยับยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

ฉันรู้ว่าแกรู้เรื่องราว ความลับของฉันแล้ว...แต่ก็นั่นแหละ ถึงยังไงแกก็คงเป็นลูกศิษย์คนแรก และคนเดียวที่ฉันมี...ดีเหมือนกัน ให้ชื่อฮันเตอร์ คิมตายไปพร้อมกับฉัน...แต่ก่อนที่ฉันจะตาย ต้องมีคนชั่วช้าอีกหลายคนบนโลกนี้ที่ตายล่วงหน้าไปก่อนฉัน

ทรงกลดก้มศีรษะลงต่ำเป็นการคำนับอำลาอาจารย์ของตน เมื่อเงยหน้าขึ้น ได้สัมผัสเพียงสายลมรัตติกาลที่พัดแผ่วอ่อนโยน

ลุกขึ้นยืนเต็มร่าง เงยหน้ามองฟ้า เห็นหมู่ดาวนับล้านที่กระจายเกลื่อนบนผืนนภาสีดำสนิท สายลมโพยพัด โอบล้อมแผ่วเบา ชวนให้รู้สึกถึงความเดียวดาย

ทว่า ความรู้สึกที่อยากกระทำดี ช่วยเหลือคนดีนั้น มันทำให้ความโดดเดี่ยวในใจ ถูกทดแทนด้วยความอบอุ่นขึ้นมา

หัวใจอันอบอุ่น อ่อนโยนเช่นนี้ ช่วยให้ทรงกลดรู้สึกว่าตนเองยังมีคนรักอยู่ใกล้ ๆ ไม่เคว้งคว้าง เดียวดาย หลงอยู่กลางอวกาศกว้าง ความรักและปรารถนาดีต่อคนทั่วไป มันเพียงพอที่จะให้เขาเดินทางเพียงลำพังอย่างวางใจ



(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)



- - - -  - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -



สามารถติดตามข่าว "อาคม" ได้ที่เแฟนเพจสำนักพิมพ์คำต่อคำ
http://facebook.com/wordforwordbooks







แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP