วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

อาคม ๓๔


cover-arkom-Final-Front-72 dpi

นวนิยายเรื่องนี้ เขียนขึ้นเพื่อความบันเทิง
หากมีชื่อ-สกุล เรื่องราวใดพ้องกับบุคคลจริง ต้องกราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย




ชลนิล





(ต่อจากฉบับที่แล้ว)



ประตูห้องเปิดออก ทีเกื้อกดสวิตซ์ไฟดังแชะ แสงสว่างสีขาวนวลกระจายทั่ว ทรงกลดยืนนิ่ง มองเห็นทุกสิ่งในห้องชัดเจน รวมถึงคน ๆ นั้น...ศัตรูคู่แค้น

นายศักดิ์ชาย อดีตบุคคลผู้มีตำแหน่งสูงสุดในประเทศ กำลังนอนอยู่บนเตียง ร่างที่เคยอ้วนท้วน สมบูรณ์ด้วยพลานามัย ใบหน้าอิ่มเอิบมีราศีกลับกลายเป็นผอมซีด ผมหงอกขาว ร่วงเกือบทั้งศีรษะ ดูแก่ชราทรุดโทรมเกินกว่าที่เขาเคยคาดคะเนไว้ลิบลับ

มีเพียงดวงตาที่แลมองมา บอกชัดถึงความมีสติสัมปชัญญะ ลึกลงกว่านั้น ทรงกลดสัมผัสได้ถึงอาการรอคอย...คอยอย่างใจจดใจจ่อ

นายศักดิ์ชายกำลังรอเขา...รอการมาถึงของเขาอย่างตั้งใจ

ทรงกลด... เสียงเรียกขาน พูดจายังมีน้ำหนัก เฉกเช่นคนเคยมีอำนาจ

ทรงกลดยืนนิ่ง พูดอะไรไม่ถูก เพ่งร่างบนเตียงแน่วนิ่ง ใช้อำนาจจิต สแกน ร่างนั้นทั้งร่างเพื่อหาความผิดปกติ ชั่วเวลาไม่นานก็ได้รับคำตอบ...เป็นคำตอบที่ทำให้เขาเย็นวูบจรดปลายเท้า

สวัสดีครับ ทรงกลดทักเสียงราบเรียบ ห่างเหิน แม้เห็นสภาพคู่แค้นเป็นเช่นนี้ ใจก็ยังไม่เกิดเมตตาพอที่จะนึกสงสาร เวทนา

พี่กลดอยากทำอะไรกับท่านก็เชิญเลยครับ ทีเกื้อยืนข้างเตียงคนป่วย เอ่ยปากโดยไม่มีร่องรอยท้าทายในน้ำเสียง

ทรงกลดสาวเท้าช้า ๆ จนยืนห่างจากเตียงเพียงสองก้าว ละสายตาจากคู่อริมามองนายตำรวจหนุ่มที่ตนรักเหมือนน้องชาย

เกื้อคิดว่าพี่ไม่กล้าฆ่าคน ๆ นี้หรือ?เขาถาม

ผมไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น ทีเกื้อตอบ ผมรู้แค่...เวลานี้ ไม่ว่าพี่กลดจะทำอะไร ผมก็ไม่สามารถขัดขวาง ห้ามปรามได้อีกแล้ว

ผู้ทรงอาคมพยักหน้า ด้วยฝีมือ ความสามารถของเขาเวลานี้ คนที่พอมีวิชาสูสี ใกล้เคียง น่าจะมีแค่ฮันเตอร์ คิม ผู้เป็นอาจารย์คนเดียว

เขานึกแปลกใจ...ทำไมตนเองถึงไม่รู้เรื่องอาการป่วยของนายศักดิ์ชายเลย...

หรือว่า...อาจารย์ของเขาใช้พลังอำนาจปิดบังเอาไว้!

ฮันเตอร์ คิมมีเจตนาอะไร?

หลังจากผ่านการฝึกฝนอันหนักหน่วง วิชาฝีมือรุดหน้าเป็นทวีคูณ เขาคิดว่าไม่มีอะไรในโลกที่ตนเองทำไม่ได้ การฆ่าใครสักคนยามนี้...ลำบากแค่ปรายตามอง!

ทำไม...เขากลับไม่รู้สึกอยากฆ่านายศักดิ์ชายเลย

มะเร็ง...ในกระเพาะอาหาร ทรงกลดจ้องหน้านายศักดิ์ชายพลางพูดช้า ๆ เน้นคำ

ระยะสุดท้าย... อีกฝ่ายต่อให้

นี่คงเป็นสาเหตุที่ฮันเตอร์ คิมจงใจใช้อำนาจปิดบัง ไม่ให้เขารู้ตั้งแต่แรก...เพราะถ้ารู้...เขาคงลังเลใจในการฆ่า เช่นนี้

คุณไม่ได้กลัวผมจะมาฆ่า...แต่คุณกำลังรอให้ผมมาฆ่าคุณด้วยซ้ำ ทรงกลดพูดราวกับนั่งอยู่กลางใจคนเคยมีอำนาจบารมี

รู้มั้ย...เวลานี้ฉันทรมานแค่ไหน คนป่วยบนเตียงบอก ตอนที่ยาหมดฤทธิ์ มันทรมานจนฉันคิดว่า ถ้าตายไปเสียได้ คงจะมีความสุขกว่านี้

ทรงกลดอึ้ง จุดดำในดวงตาฉายแววแปลก ปนเปอำมหิต แค้นใจ และเหนื่อยหน่ายบอกไม่ถูก ไม่เข้าใจจิตใจ ความต้องการของตนเอง

เขาเคยคิดถึงวินาทีที่จะมายืนค้ำหัวศัตรูคู่แค้นเช่นนี้ นึกภาพว่ามันจะต้องลนลานตัวสั่น ร่ำร้องขอชีวิตด้วยสภาพอันน่าสมเพช น่าเหยียดหยัน แล้วเขาจะค่อย ๆ ให้ความตายแก่มันช้า ๆ อย่างทุกข์ทรมานที่สุด จนสาสมกับความเจ็บปวดที่แบกรับมาตลอดห้าปี

พอวินาทีนั้นมาถึงจริง ๆ ทุกสิ่งไม่เป็นอย่างที่คิด เหยื่อกลับยินยอมตาย เห็นความตายคือหนทางรอดจากความทุกข์ในปัจจุบัน

พี่กลดลังเลใจอะไรอยู่หรือครับ ทีเกื้อเอ่ยถาม

ทรงกลดละสายตาจากร่างชรา เงยขึ้นมองนายตำรวจข้างเตียง น่าแปลกที่เขารู้สึกเหมือนจิตใจทีเกื้อในยามนี้ คล้ายท้องฟ้าเวิ้งว้าง ราบเรียบ ไม่ตื่นตระหนก ไม่เร่งเร้า ไม่รอคอย

ผู้ทรงอาคมเช่นเขารู้สึกว่า ช่วงเวลาระหว่างที่ทีเกื้อนั่งเฝ้าอดีตผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ จิตใจเกิดความเข้าใจเรื่องราวบางอย่าง ทำให้มองทุกสิ่งในขณะนี้ดูชืดชาไปชั่วคราว

ถึงพี่จะไม่ฆ่าเขา อาการอย่างนี้ ก็คงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่เกินเจ็ดวัน

นี่คือผลสรุปจากการที่เขาใช้จิตสัมผัส เข้าสแกนร่างกายฝ่ายตรงข้าม

อ๋อ...ทีเกื้อรับคำ ไม่ต่างจากได้ยินเรื่องราวทั่วไป ไม่ใช่เรื่องความเป็นความตาย

งั้นรึ... นายศักดิ์ชายขยับตัวลุกขึ้น น้ำเสียงหวาดหวั่นแกมขัน ถ้าอย่างนั้น ไอ้หมอที่มันรักษาฉัน ก็คงโกหกล่ะสิ...หน็อย...มันบอกว่าฉันจะอยู่ได้อีกแค่เดือนเดียว...คิดดู...ใครจะไปทนไหว อีกตั้งเดือนนึง ฉันต้องทนทรมานอยู่ในสภาพนี้อีกตั้งเดือนนึง

ร่างบนเตียงเริ่มสั่นเทิ้มด้วยโทสะ ไม่อาจควบคุมอารมณ์อยู่ น้ำเสียงเกรี้ยวกราด หวาดหวั่น ความทุกข์ทรมานทางร่างกาย เกาะกินเข้าไปถึงจิตใจ อารมณ์จึงแปรปรวนวูบไหวง่ายดาย

ทรงกลดขบริมฝีปาก มองทีเกื้อสลับกับนายศักดิ์ชาย...เวลานี้เขาต้องการทำอะไรกันแน่ สิ่งใดที่ทำแล้ว สามารถปลดปล่อยตนเองจากพันธนาการความแค้น

ฆ่านายศักดิ์ชาย หรือปล่อยให้คน ๆ นี้รับกรรมของตนในวาระสุดท้าย

รับกรรม! คำนี้สะท้านในใจทรงกลด

มะเร็งในกระเพาะอาหาร...คนป่วยไม่สามารถกินอาหารเหมือนคนปกติได้ ความหิวแต่ละครั้งคงสร้างความทุกข์ทรมานเกินทน สมบัติที่ยักยอกมาจากแผ่นดิน ไม่สามารถช่วยให้เขากินข้าวอย่างมีความสุขได้แม้แต่คำเดียว

กฎแห่งกรรมทำงานให้เขาเห็นแล้วนี่ไง

ความทุกข์ทรมานที่เจ้าตัวยอมรับว่าเลวร้ายกว่าความตาย กฎแห่งกรรมที่เขาเรียกร้องให้มันมาจัดการกับคนผิด บัดนี้ได้ทำหน้าที่แล้ว

เวลานี้...เขาควรทำอย่างไร ปล่อยให้กฎแห่งกรรมทำงานต่อ หรือเข้าไปแทรกแซงด้วยการลงมือสังหารคนป่วยร่อแร่ปางตายเช่นนี้ด้วยมือตนเอง

ทรงกลดถอนใจ พูดกับทีเกื้อเบา ๆ

เกื้อรู้แต่แรกแล้วใช่มั้ย ว่าพี่จะคิด และตัดสินใจยังไง

ทีเกื้อพยักหน้า

ผมเชื่อว่าพี่กลดเป็นลูกผู้ชาย ตอนที่ผมได้มาเห็นท่านครั้งแรก ก็รู้แล้วว่า ไม่จำเป็นต้องเปลืองแรงอารักขา ป้องกัน ขัดขวางพี่กลดเลย

ทรงกลดฝืนยิ้มด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก นัยน์ตามองนายศักดิ์ชายตรง ๆ

ผมแค้นคุณก็จริง...แต่ก็ดีใจที่ไม่ต้องเปลืองแรง...แค่เจ็ดวันผมรอได้...

สิ้นเสียงทรงกลด แววตานายศักดิ์ชายก็เปลี่ยนไป กลายเป็นหวาดกลัว ร่างชราสั่นเทิ้มกว่าเดิม ก่อนจะเปล่งเสียงหัวเราะอันน่าสะพรึงออกมา

ฮ่าฮ่าฮ่า...แกไม่ฆ่าฉันเหรอ ทำไมล่ะ มันเสียศักดิ์ศรีลูกผู้ชายขนาดนั้นเชียว รู้มั้ย ฉันทำเรื่องเลวร้ายมากแค่ไหน ไม่ใช่แค่กับพ่อแกเท่านั้นหรอก ยังมีอีกหลายคน หลายเรื่องที่แกยังไม่รู้...ไม่มีใครรู้...ฮ่าฮ่าฮ่า

นัยน์ตาทรงกลดราบเรียบ จุดกึ่งกลางสีดำในดวงตาขยายกว้าง แผ่รังสีอันเย็นเยียบออกมา

ผมรู้!” คำพูดบาดลึก แต่ผมก็รู้อีกว่า ทุกสิ่งที่คุณกระทำ ก็ได้รับผลตอบแทนอย่างสาสม...คุณหักหลังเขา...เขาก็หักหลังคุณ

ทรงกลดรู้จริงอย่างที่พูด เพราะเขาติดตามข่าวนายศักดิ์ชายมาตลอด



หลังจากคว่ำท่านทรงพลลงได้ ไม่นานก็มีการเลือกตั้งใหม่ตามวาระ พรรคของนายศักดิ์ชายได้เสียงข้างมากตามคาด และหัวหน้าพรรคอย่างนายศักดิ์ชายก็เป็นนายกฯ อีกสมัย

แต่การครองตำแหน่งครั้งนี้ ไม่ได้สะดวก ราบรื่นเหมือนสมัยแรก

พรรคฝ่ายค้านพยายามขุดคุ้ยเรื่องคอร์รัปชั่นต่าง ๆ ทั้งของตัวนายศักดิ์ชายเอง คนสนิทใกล้ชิด พวกพ้อง บริวาร รวมถึงลูกพรรคที่มีตำแหน่งสำคัญ มีหลักฐานออกมาแฉในสภา ตอนอภิปรายไม่ไว้วางใจมากมาย แต่สุดท้ายด้วยรัฐบาลมีเสียงข้างมาก จึงได้รับการยกมือไว้วางใจอย่างหวุดหวิด

ทว่าประชาชนที่ได้ดูการอภิปรายไม่ไว้วางใจกลับเกิดกระแสไม่ยอมรับรัฐบาล เกิดการชุมนุมเรียกร้อง กดดันให้รัฐบาลลาออก จนเกิดการปั่นป่วนไปทั่วประเทศ

นายศักดิ์ชายไม่อาจต้านกระแสที่ถาโถมมาทุกด้านขนาดนี้ จึงประกาศยุบสภา ทั้งที่เพิ่งผ่านการเลือกตั้งมาไม่ถึงสองปี

เมื่อเกิดการล้างไพ่ใหม่ การที่พรรคจะมีโอกาสขึ้นมาได้เสียงข้างมากในสภาอีกครั้ง ก็ต้องมีการผ่าตัด ปรับปรุงบุคคลในพรรคเสียใหม่ และบุคคลสำคัญที่ลูกพรรคส่วนหนึ่งเสนอให้เปลี่ยนแปลงคือตัวหัวหน้าพรรคเอง ซึ่งมีชื่อเสียงเสียหาย และกระแสสังคมต่อต้านรุนแรง

นายศักดิ์ชายยังไม่คิดจะลงจากอำนาจตอนนี้ แต่ทานเสียงส่วนใหญ่ในพรรคไม่ไหว ยอมให้มีการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคคนใหม่ โดยเสนอตัวเข้าชิงตำแหน่ง มั่นใจว่ากลุ่มคนสนิท ที่เขาเคยช่วยเหลือ ไว้เนื้อเชื่อใจ และกลุ่มลูกพรรคที่เขาล็อบบี้ไว้จะลงคะแนนให้ตนเอง

เหตุการณ์กลับผิดคาด เขาถูกหักหลัง โดนถีบตกจากเก้าอี้การชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคอย่างยับเยิน เป็นบาดแผลที่ตั้งใจรอเวลาจะแก้ลำคืนในอนาคต

ช่วงสองสามปีที่นายศักดิ์ชายตกจากบัลลังก์ เขาวางแผนตั้งพรรคการเมืองใหม่ โดยลอบติดต่อซื้อตัวส.ส.ไว้หลายคน แอบหว่านเม็ดเงินให้หัวคะแนนคนสำคัญ เตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งใหม่ที่จะมาถึงในเวลาอีกไม่ถึงสองปี

แล้วสิ่งเกินคาดก็เกิดขึ้น เมื่อหมอพบเซลล์มะเร็งในร่างกายเขา ทำให้แผนการต่าง ๆ ต้องหยุดชะงัก พร้อมปิดข่าวเรื่องอาการป่วยอย่างมิดชิด ขนาดทรงกลดลอบสืบข่าวมาตลอดก็ไม่สามารถรู้ได้

นายศักดิ์ชายหวังว่าจะหายป่วยทันการเลือกตั้งครั้งหน้า ผลกลับเป็นตรงข้าม อาการเขาทรุดหนักอย่างรวดเร็ว ล่าสุด หมอยืนยันว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่เกินหนึ่งเดือน

พอท่านรองฯ เชิญเขามาหลบที่เซฟเฮาส์หลังนี้ นายศักดิ์ชายยอมมาด้วยความคิดสองจิตสองใจ

ใจหนึ่งอยากรอด...อีกใจก็อยากให้ฆาตกรสังหารเขาเสีย

ช่วงนี้อาการเขาพอทุเลาด้วยยา และการรักษา พอมีเรี่ยวแรงพูดจาได้ ถึงอย่างนั้นเขาก็รู้สภาพร่างกายตนเองดี เมื่อไหร่ที่ยาและการรักษาเอาไม่อยู่ เขาจะต้องดิ้นรนตายด้วยความทุรนทุราย



ทีเกื้อถอนใจ เดินเข้าไปหาทรงกลด ยิ้มให้อย่างอบอุ่น

ผมดีใจที่พี่กลดยอมหยุดแค่นี้

ทรงกลดตบไหล่ทีเกื้อ น้ำหนักมือบนไหล่บอกถึงจิตใจที่หนักแน่นกว่าเดิม

พี่ไม่ใช่คนดี ไม่ได้เป็นลูกผู้ชายอะไรหรอกเกื้อ แต่ถ้าพี่ต้องฆ่าคนที่จะมีชีวิตเหลืออีกไม่ถึงเจ็ดวัน มันทำให้รู้สึกทุเรศตัวเอง อีกอย่าง...ถ้าฆ่าให้เขาตายตอนนี้ มันก็เป็นการปราณีเขาเกินไป

คำพูดจากความรู้สึกจริงเช่นนี้ ทำให้ทีเกื้อรู้ว่าความอาฆาตแค้นในใจทรงกลดไม่ได้ลดน้อยลงเลย

ทรงกลดไม่ได้ไว้ชีวิตด้วยความเมตตา แต่ด้วยอัตตา ความหยิ่งผยองในฝีมือตน คนระดับเขามีหรือจะใช้อาคมขั้นสูงมาสังหารคนใกล้ตายคนหนึ่ง

อีกอย่าง...ที่ไม่ฆ่าเพราะใจแค้น ไม่อยากเห็นศัตรูตายสบายเกินไป...

เจ็ดวัน...แค่เจ็ดวันเองเหรอ... นายศักดิ์ชายกรีดเสียงโหยหวน อารมณ์แปรปรวนสับสนด้วยความขลาด หวาดกลัวทั้งความเจ็บปวดทรมาน และทั้งกลัวความตาย

ทำไมฉันต้องทรมานอีกตั้งเจ็ดวัน...ฆ่าฉันเสียเดี๋ยวนี้เลยเถอะ...ฆ่าฉัน ฆ่าฉัน...ขอร้องล่ะ ขอร้อง...

เสียงกรีดร้องโหยหวนของนายศักดิ์ชาย ไม่ได้ทำให้ความเมตตาเกิดขึ้นในใจทรงกลดสักนิด หนำซ้ำแววตาเขากลับมีความยินดี สาสมใจ

ทีเกื้อเห็นแววตาของทรงกลดเป็นเช่นนั้นแล้วก็รู้สึกสลดใจ แต่ตอบไม่ได้ หากตนเองเป็นทรงกลด แล้วจะทำอย่างไร

ขณะแรกที่ทีเกื้อก้าวเข้ามาในเซฟเฮาส์ เห็นสภาพนายศักดิ์ชายทรุดโทรม ใกล้ตายขนาดนี้ จิตใจเขาเกิดความสลด เมตตา สงสาร นึกถึงข้อความที่คุณตาเขียนขึ้นมาในบันทึกทันที

ข้าพเจ้าพบว่า...มีสิ่งหนึ่งอยู่เหนือวิชาคาถาอาคมเหล่านั้น เป็นสิ่งง่าย ๆ ธรรมดาที่ชาวพุทธทั่วไปรู้จัก แต่มักมองข้าม....สิ่งนั้นคือ กรรมวิบาก’”



โรคร้ายที่นายศักดิ์ชายได้รับ เป็นข้อพิสูจน์ยืนยันเรื่องกรรมวิบาก...นายศักดิ์ชายไม่ได้โดนอาคม หรือโดนของใด ๆ เสกใส่...เขาแค่กำลังรับกรรมที่ตนเองก่อ

ทรงกลดไม่มีโอกาสทำอะไรกับเหยื่อรายนี้เลย เพราะกรรมตัดหน้า ทำงานไปแล้ว

ทีเกื้อเข้าใจอย่างที่ทรงกลดเข้าใจ ยอมรับกฎแห่งกรรมอย่างที่ทรงกลดยอมรับ ที่ต่างจากทรงกลดอยู่บ้างคือ...ทีเกื้อไม่รู้สึกสะใจและ ยินดีในผลกรรมที่นายศักดิ์ชายได้รับเหมือนอย่างทรงกลด

ช่วงเวลาที่เขานั่งรอทรงกลดอยู่ด้านนอก ทีเกื้อนึกทบทวนถึงผู้คนรอบกาย คนดี คนร้ายต่าง ๆ ที่ได้พบตั้งแต่เด็กจนโต เห็นการกระทำกรรม และการรับผลกรรมของพวกเขา รวมถึงของตนเองด้วย

สติปัญญาของเขาทบทวน ตั้งมุมมองเรื่องกฎแห่งกรรมคนละด้านกับทรงกลด...เขาไม่ได้คิดแค่คนทำดีต้องได้ดี คนทำชั่ว ต้องได้รับผลชั่ว...

ใครได้รับผลดีเขาควรยินดี ใครได้รับผลชั่วก็ควรสะใจ สมน้ำหน้าอย่างนั้นหรือ?

อย่าลืมว่าตลอดชีวิตของคน ๆ หนึ่ง ต่างมีโอกาสทำดี ทำชั่วมากมาย หลายครั้ง และคนเราก็ต้องได้รับทั้งผลดี ผลชั่วของตนเรื่อยไป ไม่รู้จบ

ทีเกื้อมองสาวไปถึงเหตุของแต่ละคนในการก่อกรรมต่าง ๆ จนกระทั่งมารับผลของกรรมเหล่านั้น

เขาเห็นแรงขับดันภายในใจหลายอย่าง ที่ทำให้คนเราดิ้นรน กระเสือกกระสนทั้งทำกรรมดี ทำกรรมชั่ว

ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในหัว

คนดีอาจพลาดพลั้งทำผิดได้...คนชั่วก็มีโอกาสสร้างกรรมดีไม่น้อย

มนุษย์เราต่างตกอยู่ในวิบากดี ร้ายที่ตนเองเป็นผู้สร้าง

พอจิตเกิดความเข้าใจเช่นนั้น เขาก็เกิดความสลดใจอย่างบอกไม่ถูก...มองเห็นการรับกรรมของนายศักดิ์ชาย เป็นแค่เรื่องน่าสลดใจอย่างหนึ่งในวัฏสงสาร

คนเราเกิดมาด้วยความไม่รู้

ทำผิดด้วยแรงขับดันของกิเลส

และรับกรรมด้วยกฎอันเที่ยงตรงของวัฏสงสาร

มันเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจ มากกว่าจะมานึกสะใจ สมน้ำหน้ากัน



ทีเกื้อยินดีที่ทรงกลดไม่ฆ่านายศักดิ์ชาย แต่ยังเป็นห่วงที่เขายังโอบกอดความอาฆาตแค้นไว้ในหัวใจ ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร ทรงกลดถึงจะมองเห็นกรรมวิบาก ในมุมมองเดียวกันได้

หลังเสียงกรีดร้องของนายศักดิ์ชาย ก็เป็นเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้น ร้องไห้ด้วยความหวาดกลัวอย่างไม่เคยเกิดมาก่อน กลัวทั้งความตายที่ใกล้มาเยือน กลัวทั้งความเจ็บปวด ทรมานเดิม ๆ ที่จะย้อนกลับมาหาเมื่อยาหมดฤทธิ์

พี่ไปล่ะนะ ทรงกลดเตรียมออกจากห้อง

ทีเกื้ออยากเอ่ยปากฉุดรั้ง หากปล่อยทรงกลดไปเช่นนี้ เขาจะยิ่งก้าวสู่ด้านมืดลึกลงกว่าเดิม

คนที่หยุดทรงกลด กลับเป็นคนที่ทีเกื้อคาดไม่ถึง

การฆ่าคนชั่วอย่างมัน ไม่เรียกว่าปราณีเกินไปหรอก เสียงกระหึ่มจากหน้าประตู สะท้านเข้าไปถึงใจ

ทีเกื้อหันขวับ เบิกตากว้าง นายศักดิ์ชายหยุดร้องโหยหวน ลำคอจุกตัน คล้ายมีคีมมาบีบรัดเอาไว้

เจ้าของเสียงเป็นชายกลางคนร่างใหญ่ ใบหน้าเรียบ ๆ จืด ๆ ดูคล้ายกับคิม ต่างกันตรงเส้นผมที่หงอกขาว และรูปร่างที่บึกบึน บอกความมีอายุมากกว่า

ไม่จำเป็นต้องให้ทรงกลดแนะนำ ทีเกื้อก็รู้ว่าชายคนใหม่เป็นใคร

ฮันเตอร์ คิม!

อาจารย์หมายความว่ายังไง ทรงกลดหรี่ตาถาม

รู้มั้ย ทำไมฉันถึงกำหนดเวลาฝึกฝน ฟื้นฟูวิชาของแกแค่ไม่เกินสามสัปดาห์

ทรงกลดหยุดคิดชั่วแวบก่อนได้คำตอบ

เพราะถ้านับจากวันนั้น...นายศักดิ์ชายจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินหนึ่งเดือน

ใช่

ทำไมอาจารย์ต้องการให้ผมฆ่าเขา...คนที่กำลังจะตายอย่างทรมานอยู่แล้ว

ลองคิดดูสิ ถ้ามันตายไปในคืนนี้ อะไรจะเกิดขึ้นบ้าง?

คำถามนี้สะดุดความรู้สึกทั้งทรงกลดและทีเกื้อ

ชายหนุ่มทั้งสองหันไปมองคนป่วยที่นอนบนเตียงแทบจะพร้อมกัน นายศักดิ์ชายเวลานี้อยู่ในสภาพเหมือนสัตว์รอโดนเชือด มองคนทั้งสามด้วยแววตาสับสน หวาดกลัว

ทรงกลดมองเข้าไปถึงจิตใจของนายศักดิ์ชายจริง ๆ ค้นหาดูว่าผู้ป่วยระยะสุดท้ายคนนี้ ต้องการตายจริงหรือไม่?

คำตอบที่เห็น...คือความสับสน ปนเป ไม่แน่นอน

ยามเจ็บปวด ทุกข์ทรมาน...ชายคนนี้อยากตายให้พ้น ๆ แต่บางวันก็หวังอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือยาจากหมอเทวดาที่ไหนก็ได้ ช่วยชีวิตเขาให้หายจากโรคร้ายเสียที

เมื่อมองให้ลึกซึ้งถึงก้นบึ้งหัวใจอย่างแท้จริง...นายศักดิ์ชายอยากตายหรือไม่?

...ไม่...

คำตอบปรากฏในใจทรงกลด

ถ้าเลือกได้...นายศักดิ์ชายไม่อยากตาย เขาแค่ร่ำร้องขอความตายเพื่อหนีให้พ้นจากความเจ็บปวดทรมานเท่านั้น

แท้จริง ชายคนนี้ยังหวงห่วงสมบัติ ห่วงอำนาจวาสนาบารมี ห่วงลูกเมีย ห่วงหน้าตา ชื่อเสียงเกียรติยศ มีพันธนาการมากมายเหลือเกินที่ร้อยรัดใจเขาไว้

ถ้านายศักดิ์ชายตายในคืนนี้...อะไรจะเกิดขึ้นบ้าง?

คำถามฮันเตอร์ คิมย้อนให้คิด

คนที่ไม่เคยเตรียมตัวตายอย่างแท้จริง ไม่พร้อมจะตาย เพราะหวังลม ๆ แล้ง ๆว่าอาจจะหายขาด ไม่ก็อาศัยยายืดระยะเวลาไปเรื่อย ๆ

ถ้าคนประเภทนี้ตายกะทันหัน อะไรจะเกิดขึ้น?

ทีเกื้อและทรงกลดได้คำตอบแทบจะพร้อมกัน

สิ่งที่เกิดไม่เกี่ยวกับนายศักดิ์ชาย แต่เกี่ยวกับครอบครัวและคนที่อยู่ข้างหลัง

ถูกต้อง!” ฮันเตอร์ คิมพูดราวกับอ่านคำตอบในใจสองหนุ่มออก

ถ้าคนเลวคนนี้ ตายคืนนี้ เดี๋ยวนี้ ในเวลาที่มันยังไม่ทันได้จัดเตรียมเรื่องราวข้างหลังให้เรียบร้อย รับรองลูกเมีย และบริวารของมันต้องปั่นป่วนที่สุดแน่

คำพูดของชายแปลกหน้าทำให้นายศักดิ์ชายสะท้านเยือก ใจแปลบ เกิดความรู้สึกรุนแรงยิ่งกว่าความหวาดกลัว เขาแทบจะรู้เลยว่า ถ้ายังไม่จัดการเรื่องสมบัติทรัพย์สิน และงานบางอย่างให้เสร็จก่อนตาย ความวุ่นวายโกลาหลจะตามมา

อยากฟังคำคาดเดา เหตุการณ์หลังจากแกตายจากฉันไหมล่ะ ฮันเตอร์ คิมถามเสียงเยาะหยัน

แกคงรู้ว่าลูกชายคนโตของแกมันโง่เง่า สมองทึบแค่ไหน ทำงานไม่เป็นโล้เป็นพาย ลงทุนอะไรให้ก็เจ๊งหมด คบเพื่อนฝูงมีแต่พวกลูกไฮโซ ทำงานไม่เป็นเหมือนกัน ดีแต่ลอยไปลอยมา สร้างเรื่องปวดหัวให้พ่อแม่ไม่เว้นแต่ละวัน...ส่วนลูกสาวแก ถึงจะแต่งงานมีสามีไปแล้ว ก็ยังไม่รู้จักโต มาขอเงินที่บ้านใช้ทุกเดือน ลูกเขยแกมันก็ดีแต่เปลือก ข้างในกลวงโบ๋ จมไม่ลงให้ไปเท่าไหร่ก็ไม่พอ ถมไม่เต็ม...ลูกชายคนเล็กยิ่งแล้วใหญ่ เรียนอะไรก็ไม่จบ ทำตัวเป็นหนุ่มไฮโซ ใช้เงินเป็นฟ่อน เที่ยวจีบดาราสาว ๆ เปลี่ยนคู่ควงเป็นว่าเล่น หมดเงินไปกับเรื่องไร้สาระพวกนี้ตั้งเท่าไหร่...กับเมียแกยิ่งแล้วใหญ่ ลูกน้องแกคงมารายงานแล้วว่า เมียแกมันมีชู้ไปแล้ว ไม่ใช่กับใครหรอก ก็คนสนิทของแกเอง

ทุกคำของฮันเตอร์ คิมทำให้ใบหน้านายศักดิ์ชายเผือดซีดลงเรื่อย ๆ

ถ้าแกตายวันนี้ เดี๋ยวนี้...สมบัติที่แกโกงเขามาจะถูกรุมทึ้ง เมียแกคงตั้งใจยึดสมบัติไว้ทั้งหมด แต่ลูก ๆ มันคงไม่ยอม เพราะเห็นแม่มีชู้แบบนั้น อีกทั้งยังไม่ไว้ใจผู้ชายคนใหม่ว่าจะคิดแค่ปอกลอกแม่ตัวเองหรือเปล่า...พอไม่มีใครยอมใคร ก็จะต้องมีเรื่องราวฟ้องร้อง แบ่งมรดกกันถึงโรงถึงศาล เป็นข่าวใหญ่โตครึกโครม ให้คนที่เกลียดชังแกได้สะใจ สมน้ำหน้า แล้วเงินที่แกแอบเอาไปลงทุนเพื่อตั้งพรรคใหม่ ก็จะถูกลูกน้อง บริวารคนใกล้ชิดยักยอก แบ่งส่วนกันอย่างเงียบ ๆ โดยไม่มีใครรู้

สุดท้ายครอบครัวแกจะแตกแยก มองหน้ากันไม่ติด ลูก ๆ หมดความเคารพนับถือในตัวแม่ สมบัติทุกชิ้นกระจัดกระจาย และกลายเป็นของคนอื่นในที่สุด ก่อนกระดูกของแกจะเย็นลงด้วยซ้ำ

คำคาดเดา คาดหมายนี้ แทบเป็นคำพยากรณ์ที่สามารถเกิดขึ้นได้จริงเกินแปดสิบเปอร์เซ็นต์

นายศักดิ์ชายรู้ดี...รู้จนเกิดความกลัวอย่างใหม่ขึ้นมา เป็นความกลัวที่เลวร้ายยิ่งกว่าความกลัวตาย

กลัวความวิบัติ ที่จะเกิดแก่ครอบครัว วงศ์ตระกูล!



พอพูดจบ ฮันเตอร์ คิมก็หันไปบอกทรงกลดด้วยเสียงเนือย ๆ

การฆ่ามันให้ตายเวลานี้ คือการแก้แค้นที่ดีที่สุดแล้ว

ทรงกลดพยักหน้า เข้าใจ...ความตายอาจไม่น่ากลัวเท่ากับ เรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังความตาย โดยเฉพาะกับคนที่มีห่วงมากมายขนาดนี้

พี่กลด...อย่าเลย เป็นครั้งแรกในคืนนี้ที่ทีเกื้อเอ่ยปากขัดขวาง เท่านี้เขาก็ทุกข์พอแล้ว

เรื่องที่ได้ยินจากปากฮันเตอร์ คิมฟังแล้วยิ่งพาให้ใจหดหู่กว่าเดิม

ฮันเตอร์ คิมมองทีเกื้อตรง ๆ ยิ้มให้ด้วยแววตาท้าทาย แล้วหันไปพูดกับทรงกลดด้วยน้ำเสียงปกติ ไม่มีร่องรอยกระตุ้น เร่งเร้า

คิดดูเอาเองก็แล้วกันว่า ห้าปีที่ผ่านมาต้องเจออะไรบ้าง ต้องใช้ชีวิตอย่างไร แล้วปณิธานข้อไหน ที่คอยตอกย้ำกับตัวเองเสมอ จนสามารถผ่านวันเวลาอันเลวร้ายเหล่านั้นมาได้



ทรงกลดก้มหน้า ภาพในอดีตถูกทบทวน...

เขาจำได้ตั้งแต่เห็นใบหน้าพ่อหมองคล้ำ จากการโดนใส่ความ โดนสอบสวน โดนกระแสสังคมประณามกับความผิดที่ตนเองไม่ได้ก่อ ใบหน้าแม่ที่พยายามฝืนยิ้มให้กำลังใจทุกคน สีหน้าแววตาเด็ดเดี่ยว ยามตัดสินใจทิ้งสมบัติพัสถานทุกชิ้นเพื่อตามสามีและลูกไปยังต่างประเทศ

และ...ภาพเครื่องบินระเบิดกลางอากาศ ซากศพกระจัดกระจายเป็นชิ้น ๆ ทั่วไปหมด ไม่รู้ว่าส่วนใดเป็นของบิดา มารดาตน

การกลับประเทศเพื่อมาเห็นคนชั่วครองอำนาจ ทำลายชื่อเสียงเกียรติยศที่พ่อสร้างสมมาตลอดชีวิต หนำซ้ำยังยึดสมบัติของแม่ไปเป็นของตัวเองอย่างน่าไม่อาย

วินาทีที่ตัดสินใจแก้แค้น...เส้นทางอันยากลำบากแทบกระอักเลือด การฝึกฝนทารุณ โหดร้าย มีกำลังใจเดียวที่ทำให้ผ่านวันเวลาเหล่านั้นมาได้ นั่นคือปณิธาน...การแก้แค้น

บัดนี้ โอกาสแก้แค้นอยู่ตรงหน้า คำพูด คำคาดการณ์ของฮันเตอร์ คิมที่มีต่อนายศักดิ์ชาย และครอบครัวทำให้เขาเกิดความสะใจ ยินดี...นี่แหละ สิ่งที่เขาอยากให้มันเกิดขึ้น นี่แหละ สิ่งที่เขารอคอยจะได้เห็นมาตลอดห้าปี...ความวิบัติ ฉิบหายของคน ๆ นี้และครอบครัว

ภาพเก่า ๆ ความแค้นเคือง เจ็บปวด อาฆาต พยาบาทที่สะสม เก็บกดอยู่ในใจมานาน กำลังรวมตัว และเข้าครอบงำจิตใจทรงกลดทีละน้อย...เชื่องช้า น่าสะพรึงกลัว



(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)



- - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -



สามารถติดตามข่าว "อาคม" ได้ที่เแฟนเพจสำนักพิมพ์คำต่อคำ
http://facebook.com/wordforwordbooks







แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP