วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

อาคม ๒๕


 

cover-arkom-Final-Front-72 dpi

นวนิยายเรื่องนี้ เขียนขึ้นเพื่อความบันเทิง
หากมีชื่อ-สกุล เรื่องราวใดพ้องกับบุคคลจริง ต้องกราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย


ชลนิล


(ต่อจากฉบับที่แล้ว)



             น้ำตาหยดลงบนแก้มเอื้อกานต์สองสามหยด เป็นน้ำตาที่หลั่งมาจากความระลึกถึงวันเก่า ๆ ความรัก ความผูกพัน...ขณะเดียวกัน น้ำตาสองสามหยดนี้ และคำพูดของแม่เรียกสติทีเกื้อกลับคืนมา

             เอื้อเฟื้อ เกื้อกูล

             พวกเขาทั้งสองมีสายใยแห่งการพึ่งพากันและกันมาตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ ร่วมทุกข์ ร่วมสุขกันมาตลอดยามโต เวลาที่เขาบาดเจ็บ เอื้อกานต์ก็คอยรักษา...ตอนที่เอื้อกานต์เจ็บปวด ทุกข์ใจ ก็จะมีเขาอยู่ข้าง ๆ

             ในเมื่อเอื้อกานต์เคยใช้พลังพิเศษช่วยรักษาเขามาหลายครั้งแล้ว ทำไมเขาจะเป็นฝ่ายช่วยเธอบ้างไม่ได้ เอื้อเคยสอนวิธีใช้แก่เขามาแล้วตอนช่วยนายเดชา ถึงตอนนั้นมันจะไม่สำเร็จ แต่ครั้งนี้เขาจะเอาชีวิตเป็นเดิมพัน

             ถ้าเอื้อกานต์กล้าใช้ชีวิตตัวเองแลกกับชีวิตคุณหญิงอัปสรได้...ทำไมเขาจะใช้ชีวิตของเขาแลกกับชีวิตเอื้อกานต์บ้างไม่ได้

             พอตั้งใจเช่นนั้นก็สูดลมหายใจยาวลึก ตั้งสติ มองรอบด้านไม่เห็นผู้คนเข้ามาวุ่นวาย รบกวน เอื้อกานต์นอนหนุนตักเขา โดยแขนสองข้างวางราบข้างลำตัว

             ทีเกื้อดึงมือทั้งสองของเอื้อกานต์ขึ้นมา เกาะกุมด้วยมือสองข้างของตน กลางฝ่ามือแนบกลางฝ่ามือ ระบายลมหายใจยาว ระลึกถึงความสว่างอบอุ่นขึ้นที่กลางหน้าอก

             ด้วยความรัก จิตที่เคยสื่อถึงกัน ก่อให้เกิดพลังงานสีขาวขึ้นทีละน้อยกลางใจทีเกื้อ เชื่องช้า มั่นคง ความอบอุ่นควบแน่นเข้ามาเรื่อย ๆ เห็นนิมิตแสงสีขาวเด่นดวงขึ้นมา

             ทีเกื้อกำหนดดวงนิมิตขาวให้เป็นเส้นสว่างเหลือบเงิน แล้วระลึกให้เส้นแสงนี้ไหลทะลุผ่านฝ่ามือตน เข้าสู่กลางฝ่ามือเอื้อกานต์

             เส้นสว่างเหลือบเงินพุ่งเป็นสายซึมแทรกเข้าไปในร่างเอื้อกานต์อย่างรวดเร็ว ราวกับเป็นสายธารโอสถ ที่มุ่งตรงเข้าไปเยียวยา กระตุ้นหัวใจ และพลังงานชีวิตที่แสนริบหรี่ ให้สว่างลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง

             แสงสีขาวอ่อนแผ่ออกมาห่อหุ้มร่างของทีเกื้อ เอื้อกานต์จาง ๆ โดยไม่มีใครทันสังเกตเห็น เป็นแสงสีขาวที่ดูราวกับจะเข้าไปเกลี่ยพิษมืดสีเทาในร่างเอื้อกานต์ให้แบ่งเข้ามาสู่ทีเกื้อ และมีบางส่วนถูกขับสลายออกไป

             ครู่ใหญ่กว่าแสงสีขาวนั้นจะหรี่ลงจนจางหาย ทีเกื้อรู้สึกวิงเวียน คลื่นเหียน เข้าใจว่าพิษอาคมในตัวเอื้อกานต์ถูกแบ่งเข้ามาสู่ร่างเขา และมีบางส่วนถูกขับให้กระจายไปแล้ว

             ชายหนุ่มพยายามสะกดกลั้นอาการของตน เหลือบตามองใบหน้าพี่สาว เห็นรอยสีเทาคล้ำจางลงเกือบหมด สัมผัสถึงการเต้นของหัวใจที่กลับคืนมา

             ชีวิตเอื้อกานต์ถูกเรียกคืนสำเร็จ แต่ยังไม่เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ทีเกื้อทำได้ดีที่สุดแค่ให้เธอกลับมามีชีวิต แต่ไม่สามารถขจัดอาคม มนต์ดำที่ค้างคาในร่างนี้ได้หมด หากมันกำเริบอีกครั้ง หรือผู้ส่งมนต์จะท่องทวนคาถา สิ่งที่เขากระทำอาจสูญเปล่า เสียเวลา




- - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -




             คิมมาถึงโรงพยาบาลตอนดึกสงัด เขามาช้ากว่าเวลาต้องการพอสมควร เพราะโดนเศษอาคมของตนย้อนคืน

             ถ้าเป็นเมื่อก่อน เขาคงเกิดโทสะ อยากรู้ว่าใคร กล้าดี มีฝีมือขนาดไหนถึงถอนอาคมเขาได้ แต่ยามนี้เขากลับยินดี...ดีใจที่มันกลับมา

             เพราะอาคมที่เขาส่งไปทำร้ายคุณหญิงอัปสร กลับถูกดึงดูดเข้าสู่ร่างเอื้อกานต์...เขาไม่ต้องการทำร้ายเอื้อกานต์...ไม่เคยเลยแม้แต่จะคิด

             มนต์ดำของคิมครั้งนี้ร้ายกาจกว่าทุกคราว ไม่มีใครถอนคืนมันได้

             คิดไม่ถึง เอื้อกานต์ถอนอาคมไม่ได้ก็จริง แต่สามารถชักนำพิษร้ายของมัน เข้าสู่ตัวเธอแทนคุณหญิงอัปสรได้

             ด้วยเหตุนี้ คิมถึงต้องรีบมา...มาเพื่อช่วยเหลือเธอ...มาทั้งที่ไม่รู้จะทันเวลาหรือไม่

             ระหว่างทางเขาได้รับเศษอาคม มนต์ดำของตนย้อนคืน ต้องเสียเวลาขจัดมันครู่ใหญ่ มันเป็นเวลาที่เขาไม่รู้สึกเสียดาย เพราะแน่ใจว่าทีเกื้อต้องช่วยพี่สาวตนเองแล้ว

             อย่างน้อย...ก็ช่วยต่อลมหายใจให้เธอ

             ถึงวางใจบางส่วน คิมก็ไม่อาจชะล่าใจ หลังขจัดอาคมย้อนทวนสำเร็จ เขาก็รีบไปโรงพยาบาลโดยเร็ว เพื่อดูอาการปัจจุบันของเอื้อกานต์ ซึ่งเขาเชื่อว่ายังไม่น่าวางใจนัก

             อาจารย์ มักบอกเสมอ...มนตรา อาคมที่สั่งสอน หมายมุ่งทำร้าย คนเลวโดยถ่ายเดียว ไม่มีหนทางรักษา ดึงคืน ไม่ให้โอกาสพวกมันได้รอดชีวิต

             ถึงรู้อย่างนั้น เขาก็ต้องไป...ไม่ไปไม่ได้...ไม่ช่วยไม่ได้

             เขาจะทำผิดซ้ำสองกับผู้หญิงคนนี้ไม่ได้อีกแล้ว




- - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -




             ทีเกื้อเพิ่งอาเจียนรอบที่สาม กระเพาะว่าง โล่งไม่มีอะไรหลงเหลือ สิ่งที่อาเจียนมาหลังสุด เป็นเพียงน้ำเหนียว ๆ สีดำ

             การกลับมามีชีวิตของเอื้อกานต์เป็นสิ่งสร้างความประหลาดใจแก่ทุกคน ถึงอาการยังไม่สู้ดี ก็ยังมีลมหายใจ มีชีวิตอยู่ หมอ พยาบาลรับช่วงหน้าที่ดูแลเธอต่อจากทีเกื้อ ซึ่งครั้งนี้เขาไม่ขัดขวาง

             พอเห็นเอื้อกานต์รอดชีวิต นภก็กลับไปรายงานท่านรัฐมนตรี รับผิดชอบหน้าที่ตนเองต่อ ส่วนทีเกื้อไม่สนใจใคร ไม่พูดจาอะไร ไม่แสดงอาการผิดปกติทางร่างกายของตนให้คนอื่นรับรู้ หลบไปอาเจียน สลับกับเฝ้าดูพี่สาว จนหมอ พยาบาลจัดการทุกอย่างเข้าที่ ออกจากห้องผู้ป่วยเรียบร้อย

             เวลานี้มีสายน้ำเกลือ สายต่อระโยงระยางเข้ากับตัวเอื้อกานต์ เพื่อช่วยรักษาชีวิต ตามสายตาทีเกื้อแล้ว ถึงมันช่วยอะไรไม่ได้มาก ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย

             นายตำรวจหนุ่มเพิ่งล้างหน้า บ้วนปากเสร็จ ออกจากห้องน้ำ หยิบผ้าขนหนูมาเช็ดหน้าเบา ๆ แล้วไปนั่งข้างเตียงคนป่วย

             ใบหน้าเอื้อกานต์ค่อยมีสีสันเล็กน้อย ร่องรอยเทาคล้ำไม่เพิ่มมากกว่าเดิม หัวใจเต้นเป็นจังหวะ ไม่นับว่าปกติ แต่ยังไม่ถึงขั้นเลวร้าย

             ทีเกื้อเอนหลังพิงพนักหลับตา หยดน้ำที่เกาะปลายเส้นผมหยดมากระทบหน้าผาก เกิดความรู้สึกรู้ตัวขึ้น สัญชาตญาณสัมผัสพิเศษบอกถึงการมาเยือนของใครบางคน

             ชายหนุ่มลุกขึ้น หรี่ตามองประตูห้องที่ปิดสนิท คลื่นแห่งความเป็นตัวตนของคน ๆ หนึ่งแผ่ออกมาชัดเจนจนรู้สึกได้

             เขาเดินไปเปิดประตูอย่างรวดเร็ว ใบหน้าเรียบ ๆ ซีด ๆ ปรากฏให้เห็น...คิมยืนอยู่หลังประตูอย่างที่รู้สึก ดวงตาคู่นั้นไม่ได้มีแววสงบนิ่ง ราบเรียบดังเคย

             ทีเกื้อขบกรามแน่น ก่อนปล่อยหมัดแรกออกไปโดยไม่พูดจา คิมงอตัวรับแรงกระแทกโดยไม่ตอบโต้ โทสะในใจทีเกื้อพุ่งสูง ความอึดอัดคับแค้นแล่นพล่าน หมัดที่สอง หมัดที่สามจึงตามต่อมาโดยไม่ยั้ง

             ยิ่งนานดวงตาทีเกื้อยิ่งวาวโรจน์ ดุร้าย ริมฝีปากเม้มสนิท ไม่หลุดคำพูดจาด่าทอ ประกายตาแฝงความเจ็บแค้น ผิดหวัง หมัดแต่ละหมัดปล่อยออกเต็มกำลัง เต็มแรงที่มี

             คิมไม่หลบเลี่ยง ไม่ตอบโต้ ร่างเป็นเหมือนกระสอบทราย เซส่ายไปมาตามแรงหมัด เขาพยายามยืน ยันกายไม่ล้ม ไม่หมอบ รับหมัดทุกหมัดของทีเกื้อโดยไม่ปริปาก พูดจา อธิบาย ไม่มีกระทั่งแววตาตัดพ้อ อ้อนวอน

             หลังพายุหมัดชุดใหญ่ผ่านไป ทีเกื้อยืนหอบ หายใจหนัก ร่างกายเขาแทบยืนไม่อยู่ ยิ่งออกแรงมาก พิษอาคมในตัวยิ่งกำเริบ ขาเบาลอยแทบทรงตัวไม่ได้

             คิมทรุดตัว ใช้เข่ายันพื้น ใบหน้าแตกอาบเลือด มุมปากมีเลือดไหลย้อย พยายามลุกขึ้นยืนอย่างยากเย็น ขาสั่น ปวดร้าวไปทั้งร่าง กะพริบตาไล่หยดเลือดให้กระเซ็นออกไป

             โทสะทีเกื้อคลายลง แววตายังดุดัน มองสภาพฝ่ายตรงข้าม ยิ่งเห็นการไม่ตอบโต้ความรู้สึกผิดก็เริ่มเกิด รู้ว่าตนทำรุนแรงเกินไป

             พอแล้วหรือผู้กอง... คิมเอ่ยปากถามอย่างลำบาก

             ทีเกื้อกัดฟัน จุกแน่นขึ้นในอก เวลาอย่างนี้ คิมยังเรียกเขาว่า ผู้กอง

             จนป่านนี้แล้ว... เสียงทีเกื้อบอกความผิดหวังอย่างที่สุด จนป่านนี้แล้ว ยังไม่ยอมพูดความจริง ยังไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นใครอีกเหรอ

             คิมจ้องตาทีเกื้อ ความหมายในสายตาสื่อกันชัดเจน ต่างก็รู้ใครเป็นใคร...เพียงแต่...จำเป็นหรือไม่ ต้องเอ่ยปากยืนยัน

             ผมมา...เพื่อ...แก้ไข...งานที่ผิดพลาด

             คิมบอก ทีเกื้อเหลียวไปทางห้องคนป่วย...นึกถึงเอื้อกานต์...

             ที่จริง เขาน่าจะนึกได้ตั้งแต่แรก...ถ้าคิมรู้ว่า ใครเป็นคนโดนอาคมร้าย เขาต้องรีบมาแก้ไขทันที

             คนผูก ต้องเป็นคนแก้...คิมเป็นผู้ปล่อยอาคม...คิมย่อมสามารถรักษาเอื้อกานต์ได้!

             ถ้าเขาไม่ปล่อยให้โทสะครอบงำแต่แรก สงบใจคุยกันดี ๆ ป่านนี้คิมน่าจะรักษาเอื้อกานต์เรียบร้อยแล้ว



             ถึงใจหนึ่งยินดี ความขัดเคือง คาใจก็ยังมี ทีเกื้อทำได้เพียงเบี่ยงตัวหลบ เปิดทาง ปล่อยให้คิมเข้าไปในห้องคนป่วย แล้วตนเองค่อยเดินตาม พร้อมปิดประตู

             คิมกระโผลกกระเผลกถึงหน้าเตียง มองเอื้อกานต์ด้วยแววตาความรัก ความเสียใจ ทีเกื้อเห็นแววตานั้นก็ยืนนิ่ง ไม่พูดจา

             ขอน้ำเปล่าสองแก้ว คิมเงยหน้าบอก

             ทีเกื้อทำตามคำสั่งโดยไม่ซักถาม



             แก้วน้ำวางตรงหน้าตามคำสั่ง คิมใช้นิ้วซับเลือดจากรอยแผลบนใบหน้า แล้วจุ่มปลายนิ้วลงในแก้วทีละใบ น้ำใส ๆ กลายเป็นสีแดงอ่อน

             เลือดของผู้ร่ายมนต์ ย่อมใช้เป็นสิ่งถอนมนต์

             ปลายนิ้วชี้สองข้างของคิมแตะที่ปากแก้วทั้งสองใบ จากนั้นขยับริมฝีปากสวดพึมพำเบา ๆ กระแสเสียงฟังสงบ ขรึม ขลัง ก่อให้เกิดบรรยากาศเข้มข้น

             ทีเกื้อสัมผัสกับกระแสอาคมอันกร้าวแกร่ง ไหลวนเป็นวงอยู่ในห้อง พลังของมันมีอาถรรพณ์อย่างบอกไม่ถูก

             กระแสอาคมถูกบีบวงให้แคบเข้า แคบเข้าจนอยู่เหนือแก้วทั้งสองใบ แล้วกลมกลืนลงในน้ำสีแดงในนั้น...เสียงสวดจบบท น้ำในแก้วใสสะอาดดังเดิม

             คิมยกแก้วใบหนึ่งยื่นให้ทีเกื้อ

             คุณดึงดูดอาคมมาจากพี่สาว อาการไม่ใช่น้อย รีบดื่มเสีย

             ทีเกื้อมองน้ำในแก้วสลับกับใบหน้าคิม...ไม่ใช่ไม่ไว้ใจ แต่มีบางเรื่องต้องการสะสางก่อน

             ไม่ต้องกลัวจะเป็นบุญคุณกันหรอก...ผมบอกแล้ว...มานี่เพื่อแก้ไขงาน

             คิมพูดมากกว่าปกติ ทีเกื้อปรายตามองไปทางเอื้อกานต์...สิ่งที่เขาจะพูด เป็นคำพูดแทนพี่สาวด้วย

             คุณ...เป็นใคร?

             ถึงจะเชื่อมั่นในสัมผัส การคาดคำนวณของตนเองขนาดไหน ทีเกื้อก็อยากได้ยินคำยืนยันจากปากชายคนนี้

             คิมวางแก้วน้ำบนโต๊ะ ไม่มีความจำเป็นอะไรต้องพูด...ต่างฝ่ายต่างรู้กัน...จะฟังคำยืนยันไปทำไม

             ผมเอายาแก้มาให้คุณแล้ว ไม่กินก็ตามใจ

             พูดจบก็ขยับตัวจะเดินออกจากห้อง ทีเกื้อก้าวขาไปยืนสกัดไว้

             จะไม่พูดจริง ๆ หรือ ชายหนุ่มเน้นคำ แววตาเจ็บปวด

             คิมถอนใจ นัยน์ตาจ้องตรง ไม่หลบ

             เรื่องไหนสำคัญกว่ากัน...ระหว่างรู้ว่าผมเป็นใคร กับช่วยชีวิตพี่สาวคุณ

             คำถามเน้นหนัก กระตุ้นให้คิด

             ทีเกื้อยกแก้วน้ำที่คิมวางไว้ขึ้นมาดื่มรวดเดียวหมด แล้วยังไม่ยอมขยับตัวไปไหน ดวงตาฉายแววดื้อรั้น ไม่ถอย

             คิมเหลียวมองเอื้อกานต์ ถอนใจอีกครั้ง ชี้แก้วอีกใบที่เหลือ พูดด้วยเสียงอ่อนลง

             รีบไปช่วย...เอื้อ...ก่อนเถอะ...มีอะไรค่อยพูดกัน คิมจงใจเน้นชื่อหญิงสาว



             ทีเกื้อหยิบแก้วอีกใบไปที่เตียงเอื้อกานต์ ประคองร่างหญิงสาวขึ้นมา บีบกรามเบา ๆ ให้ริมฝีปากเปิด แล้วค่อย ๆ รินน้ำในแก้วลงไปทีละนิด

             นายตำรวจหนุ่มหันหลังให้คิม จึงไม่สามารถสังเกตเห็นฝ่ายนั้นระบายลมหายใจยาวโล่งอก นัยน์ตาอ่อนโยน

            ทีเกื้อวางร่างเอื้อกานต์ลงบนเตียงเบา ๆ คลี่ผ้าห่มคลุม รอยยิ้มโล่งใจจุดขึ้น หันกลับมาเห็นคิมยังยืนอยู่ที่เดิม สภาพบอบช้ำเต็มที

             ผมขอโทษ...ไปทำแผลก่อนดีมั้ย เขาเป็นห่วงชายตรงหน้า

             ไม่เป็นไร...ห่วงตัวเองก่อนเถอะ คิมบอกเรียบ ๆ

             พอขาดคำทีเกื้อก็มวนท้อง รู้สึกขยักขย้อน รีบวิ่งเข้าห้องน้ำ อาเจียนออกมาอีกครั้ง คราวนี้มีน้ำสีแดงปนดำไหลออกมาจนหมดไส้หมดพุง

             เดินออกจากห้องน้ำ ตัวเบาหวิว รู้ว่าพิษอาคมในร่างถูกขจัดออกมาหมด เห็นคิมยืนอยู่ข้างเตียงเอื้อกานต์ ก้มมองใบหน้าหญิงสาวด้วยความเป็นห่วง

             นัยน์ตาทีเกื้ออ่อนโยนลง โทสะในใจสูญหาย เดินช้า ๆ เข้าหาคิม หยุดยืนห่างอีกฝ่ายไม่เกินสองก้าว

             พี่กลด!”

             ทีเกื้อจงใจเรียกชื่อนี้ แน่ใจว่าเห็นอีกฝ่ายสะดุ้งเฮือก

             คิมไม่หันกลับ ทีเกื้อขยับเข้าใกล้อีกนิด ในใจสับสน ปั่นป่วน อยากรู้ อยากถาม อยากได้ยินคำตอบจำนวนมากจากชายคนนี้

             พี่กลด...ผมมีเรื่องอยากถามพี่เยอะเลย

             คิมค่อยหันมาช้า ๆ ดวงตากลับสู่ความสงบราบเรียบ ทว่าในความราบเรียบนั้นซ่อนพายุบางอย่างซึ่งกำลังซัดสาดคลื่นลมรุนแรงภายใน

             เรื่องของพี่...ไม่มีอะไรน่ารู้หรอก คิมตอบเสียงเรียบจนน่ากลัว เรื่องที่สำคัญกว่านั้น คืออาการของเอื้อ

            ทำไม...เอื้อเป็นอะไร

             ทีเกื้อรีบเกาะเตียงมองดูใบหน้าพี่สาว เห็นลักษณะอาการยังเหมือนเดิม ไม่ต่างจากก่อนดื่มยา

             ยาถอนพิษอาคมใช้ได้แค่กับเกื้อ...ส่วนเอื้อ...พิษมันแทรกซึมลึกเกินไป ยาของพี่ถอนออกมาได้ไม่หมด...ถ้าเป็นอย่างนี้...

             คิมพูดค้าง...ทีเกื้อใจหายวูบ

             ทำไม...ถ้าปล่อยไปแบบนี้จะเป็นยังไง

             เอื้อจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินเดือนนึง

             คำพูดเหมือนฟ้าผ่ากลางใจ ทีเกื้อตะลึง ทรุดฮวบไม่รู้ตัว

             แววตาของคิมเจ็บปวดยิ่งกว่าเคยเจ็บปวด คลื่นคลั่งภายในปั่นป่วนจนแทบทะลักทะลายออกมา

             ทีเกื้อหัวหมุน ไม่รับรู้สิ่งใด ๆ รอบตัว ไม่รู้กระทั่งคิมมองเขาด้วยแววตาสงสาร ก่อนขบกรามกัดฟันแน่น ก้าวยาว ๆ ออกจากห้องอย่างรวดเร็ว ราวกับจะวิ่งแข่งกับพญามัจจุราช

             ปีกรัตติกาลภายนอกโอบล้อมผู้คนและโลกไว้ด้วยความอบอุ่น ทว่าปีกแห่งมัจจุราชกลับโบกสะบัด กระพือด้วยความเริงร่า ดังต้องการจะบอกว่า...ความตาย...อยู่ใกล้เกินกว่าใครคาดคิด




- - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -




บทที่ ๒๒



             แสงไฟสลัวสะท้อนเงาของคิมในกระจกเหนืออ่างล้างหน้า ใบหน้าเขาเปรอะเปื้อนด้วยเลือด รอยแผลแตกบนหน้าสองสามรอย บางรอยมีผิวหนังเปิดออกเป็นแผ่นใหญ่กว่าปกติ

             พอเปิดน้ำล้างคราบเลือดบนหน้าออก ยิ่งเห็นความผิดปกติของผิวหนังนั้นชัดเจน เพราะมันค่อย ๆ เลื่อนหลุดออกมาเป็นแผ่นอย่างน่าตกใจ

             คิมถอนใจ ก้มลงวักน้ำล้างหน้าอีกครั้ง จนใบหน้าเปียกโชกแล้วค่อยใช้ผ้าขนหนูซับและเช็ดเบา ๆ มีเลือดซึมติดผ้า ยิ่งกว่านั้น ผิวหนังบนใบหน้าก็ล่อนออกมาแผ่นใหญ่ขึ้น

             ชายหนุ่มใช้ปลายนิ้วค่อย ๆ เลาะแกะผิวหนังบนใบหน้าส่วนอื่นออก ทิ้งลงบนอ่างล้างหน้า ลักษณะสีสันของผิวพิเศษเหล่านี้ไม่แตกต่างจากผิวหนังคนจริง ๆ เลย

             ไม่นาน ผิวหนังปลอมบนใบหน้าคิมถูกลอกออกจนหมด เขาล้างหน้าอีกครั้ง พอเงยขึ้นมามองกระจก ใบหน้าที่สะท้อนกลับมาเป็นอีกคน ที่ไม่ใช่ชายหน้าตาเรียบ ๆ จืด ๆ ไม่สะดุดตาอีกต่อไป

             ใบหน้าจริงขาวสะอาด ค่อนข้างตอบซีด ถึงอย่างนั้นก็มีความคมคาย เข้าขั้นหล่อจัดคนหนึ่ง เพียงแต่ดวงตาคมลึก ที่เคยสวยจัดมีเสน่ห์จับตาจับใจคนนั้น แปรเปลี่ยนเป็นหมองมัว ฉายแววปั่นป่วน คลุ้มคลั่งเป็นระยะ

             คิมมองใบหน้าที่สะท้อนกระจกด้วยแววเฉยชา เสมือนเห็นคนแปลกหน้า ไม่คุ้นเคย ไม่รู้จัก

             เสียงของอาจารย์ยังก้องในหู



             ถ้าจะก้าวเข้ามาสู่เส้นทางนี้ แกต้องทิ้งตัวตนเดิม ๆ ไปเสียให้สิ้น แกไม่ใช่ ทรงกลด อีกต่อไปแล้ว ใบหน้าใหม่นี้คือ คิม ชายผู้กลับมาทวงความยุติธรรม

             จำไว้ ถ้าจะเป็นคิม แกต้องจำใบหน้าใหม่นี้ให้ดี ลืมใบหน้าเก่าให้สิ้น แกต้องเป็นคิม ทั้งยามตื่น และยามหลับ แม้กระทั่งฝัน...ก็ต้องฝันว่าตัวเองมีใบหน้าเช่นนี้!”



             เขาลืม ทรงกลด ได้จริงหรือ?

             ถ้าเขาเป็นคิมทั้งยามตื่นและยามหลับได้...ทำไมทีเกื้อถึงรู้จักตัวตนแท้จริงของเขาเร็วนัก?

             นั่นแสดงว่า ทีเกื้อสามารถมอง ทะลุ เปลือกของคิม เข้าไปเห็นตัวตนทรงกลด ซึ่งถูกซ่อนไว้อย่างเร้นลับภายใน...

             การที่ทีเกื้อติดตาม สืบร่องรอยฆาตกร ทำให้เขาเข้าใกล้คิมมากขึ้นเรื่อย ๆ พอแน่ใจว่าเหยื่อทุกรายมีความเกี่ยวพันกับคดีท่านทรงพล พ่อของทรงกลด กลุ่มคนที่น่าสงสัยว่าจะเป็นคิมก็แคบลง

             ทีเกื้อยังไม่กล้าคาดคะเนถึงทรงกลดแต่แรก เพราะหลักฐานการตายของเขาชัดเจน และใบหน้าคิมก็ต่างจากทรงกลดมาก

             ทว่า...ยิ่งทีเกื้อเข้าใกล้คิมมากเท่าไหร่ ความแปร่งแปลกอย่างคุ้นเคยก็ทวีความรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น

             ทรงกลดไม่เคยรู้ว่าทีเกื้อ กับเอื้อกานต์มีสัมผัสพิเศษ หนำซ้ำยาสลบกับการสะกดจิตใช้กับทีเกื้อไม่ได้ ดังนั้นพอคิมเผลอหลุดความเป็นทรงกลดไป ตอนที่คิดว่าทีเกื้อสลบอยู่ ทำให้นายตำรวจหนุ่มได้ยินคำพูดสองประโยคนั้น...

             หลับซะเกื้อ แล้วลืมเรื่องทั้งหมดที่เราคุยกัน

             พอตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เกื้อจะคิดว่าคิมไม่ได้มาตามนัด

             มันเป็นสองประโยคที่ทำให้ทีเกื้อสะกิดใจตั้งแต่แรก จนต้องสืบสาว หาข้อมูล หาหนทางพิสูจน์ด้วยวิธีต่าง ๆ จนจิตใจโอนเอนไปทางเชื่อมากกว่าครึ่ง

             ใบหน้าทรงกลดถูกอำพรางด้วยหน้ากากหนังชนิดแนบเนียน ชั้นดี แต่จิตใจทรงกลดไม่อาจถูกเก็บซ่อน ปิดบังตลอดเวลา ทีเกื้อจึงมีโอกาสมองเห็นทรงกลดที่หลบซ่อนเบื้องหลังหน้ากากของคิมได้

             พอทีเกื้อมั่นใจว่าคิมคือทรงกลด...ปัญหา และข้อสงสัยจึงติดตามมามากมาย ซึ่งทรงกลดรู้ ทีเกื้ออยากถามอะไรบ้าง

             เขารอดชีวิตจากเครื่องบินตกได้อย่างไร?

             ทำไมหน้าตาถึงเปลี่ยนแปลงขนาดนี้?

             เรียนรู้วิชา อาคมร้ายกาจมาจากไหน?

             ฯลฯ

             ปัญหาเหล่านี้มันจำเป็นต้องตอบด้วยหรือ ในเมื่อปัญหาสำคัญที่สุดเวลานี้คือ...

             จะช่วยชีวิตเอื้อกานต์อย่างไร?



             ทันทีที่ก้าวออกจากโรงพยาบาล คิมรีบโทรศัพท์หาอาจารย์ทันที...โทรแล้วโทรอีกเป็นสิบ ๆ รอบก็ไร้ผล ไม่มีสัญญาณเรียก ไม่มีสัญญาณตอบรับ ใจเขาร้อนรุ่มแทบระเบิด เดินกึ่งวิ่งกลับไปที่ซ่อนแห่งใหม่ หวังว่าจะพบอาจารย์คอยอยู่ก่อนแล้ว

             มาถึงพบกับความว่างเปล่า เขาเกือบแผดเสียงตะโกนร้องออกมาด้วยความอัดอั้นตันใจ

             ทันใดนั้น โทรศัพท์ก็สั่น บอกว่ามีสายเรียกเข้า เขาคว้ามาดูหน้าจอ แล้วรีบกดรับ ละล่ำละลักถามคนทางปลายสายเสียงสั่น

             จะช่วยเอื้อยังไงครับ...มีวิชาถอนอาคมแบบอื่นอีกหรือเปล่า

             เงียบ...ไม่มีเสียงตอบ

             อาจารย์ อกเขาแทบระเบิด น้ำเสียงเว้าวอน ปวดร้าว

             ฉันต้องการคุยกับคิม...ลูกศิษย์ของฉัน เสียงอาจารย์เบาเรียบ น่าสะพรึงกลัว

             ชายหนุ่มได้สติ เขาหลุดความเป็นทรงกลดตั้งแต่โดนทีเกื้อทัก จนถึงเวลานี้ยังไม่กลับคืนความเป็นคิม

             ครับ เขาสงบใจ กดความเป็นทรงกลดลงไป ปล่อยให้คิมกลับเข้าครอบงำ

             จำได้มั้ย ตอนที่สอนอาคมให้ ฉันเคยบอกว่ายังไง

             ครับ...อาคมนี้ มุ่งทำลายล้างอย่างเดียว ไม่ยอมเหลือทางรอดให้คนร้าย

             แล้วแกจะถามฉันทำไม ว่ามีวิธีถอนอาคมแบบอื่นหรือเปล่า

             คิมเงียบ...สงบใจ เขารู้ อาจารย์ต้องมีวิธีถอนอาคม วิธีที่เหนือชั้นกว่าการใช้เลือดตนเองล้างอาคมร้าย

             รู้มั้ย...การที่แกใช้เลือดตัวเอง ล้างอาคมตัวเองน่ะ มันทำให้วิชาถดถอยไปเกินครึ่ง...คิดดู เมื่อไหร่ที่ไอ้ พวกนั้น มันกลับมาทวงแค้น เอาคืน แกจะมีพลังอะไรต่อต้านมันได้

             คิมคิดถึงภาพปีศาจร้ายที่มาร่ำร้องทวงแค้น ทวงชีวิตคืน

             อาจารย์เคยบอกเขาแต่แรกแล้ว สิ่งที่กระทำไป จะมีผลทางลบกลับมา จึงสอนอาคมปิดกั้นไว้ให้ หากอาคมนั้นเสื่อมถอยลง เขาก็ไม่อาจต้านทานการทวงแค้นของพวกมันได้

             ถึงรู้อย่างนั้น เขาก็ไม่ห่วงตัวเองมากไปกว่าเอื้อกานต์

             เอื้อไม่ใช่ คนร้าย นะครับ อาจารย์สอนผมเสมอว่า วิชาเหล่านี้ มีไว้เพื่อขจัดคนร้าย เราจะไม่แตะต้องคนดีเด็ดขาด’”

             คิมพูดด้วยหัวใจทรงกลด

             ตอนนี้ฉันกำลังพูดอยู่กับคิม หรือทรงกลด คำย้อนถามไร้ความรู้สึก

             ผมขอโทษครับ

             หน้ากากของคิมถูกฉีกออกไปแล้ว ตั้งแต่ตอนที่แกยอมรับตัวเองกับนายตำรวจคนนั้น เวลานี้ ใบหน้าของคิมก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป กลับไปเป็นตัวของแกเองเถอะ

             วาจาเหมือนคำสั่งประหาร คิมใจหล่นวูบ...เขาตายไม่เป็นไร ถ้าอาจารย์ตัดความสัมพันธ์ หมายความว่าหมดทางช่วยเหลือเอื้อกานต์

             อาจารย์... เขาตั้งใจวิงวอนอีกครั้ง

             พรุ่งนี้เที่ยงคืนไปพบฉันที่สะพาน... คนเป็นอาจารย์สวนคำพูด ออกคำสั่งแทนการตัดบท

             เสียงสัญญาณขาดหายโดยไม่สนใจคำวิงวอน ผู้ฟังยิ่งหนักใจกว่าเดิม



             บัดนี้ใบหน้าของคิมถูกลอกออกไปแล้ว เหลือเพียงใบหน้าทรงกลด และจิตใจอันแหว่ง ๆ วิ่น ๆ ซึ่งบอกไม่ถูกว่าเป็นจิตใจใคร

             จิตใจแบบไหนคือคิม...จิตใจแบบไหนคือทรงกลด

             ถูกต้อง...เมื่อเขายอมรับความเป็นทรงกลดแล้ว ใบหน้าของคิมก็หมดประโยชน์ แต่จิตใจล่ะ...จิตใจเขายามนี้เป็นคิม หรือทรงกลด

             ความห่วงกังวล ความรักที่มีต่อเอื้อกานต์มากมายนั้น คือหัวใจทรงกลดใช่ไหม

ความคั่งแค้น โกรธเคือง อาฆาต ต้องการจองเวรกับคนทำลายครอบครัว คือหัวใจของคิม

แล้วเวลานี้ หัวใจของเขาเป็นเช่นไร...ความรัก หรือความแค้น สิ่งไหนมีอำนาจเหนือกว่ากัน



(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)




- - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -




สามารถติดตามข่าว "อาคม" ได้ที่เแฟนเพจสำนักพิมพ์คำต่อคำ
http://facebook.com/wordforwordbooks



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP