จุดหมายปลายธรรม Destination@Dharmma

เลือกดินปลูกข้าว



งดงาม
This e-mail address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it

 

 
118 destination

 

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้ไปทำงานเป็นจิตอาสาในคอร์สดูแลสุขภาพ ๓ วันครับ
ซึ่งเป็นคอร์สการดูแลสุขภาพในแนวทางของแพทย์ทางเลือก
โดยผมได้หันมาศึกษาข้อมูลและเรื่องดังกล่าวได้ประมาณปีกว่าแล้ว
และได้นำไปแนะนำญาติสนิทและเพื่อน ๆ หลายท่าน และแนะนำญาติธรรมหลายท่าน


เมื่อประมาณ ๓ เดือนก่อน ผมได้พบเพื่อนสมัยเรียนมัธยมท่านหนึ่งที่หน้าร้านแห่งหนึ่ง
โดยเพื่อนท่านนี้ไม่เห็นด้วยกับเรื่องการดูแลสุขภาพในแนวทางของแพทย์ทางเลือก
เพื่อนท่านนี้ได้ถามผมว่า เคยมีกระทู้หนึ่งในเว็บบอร์ดแห่งหนึ่งที่วิจารณ์เกี่ยวกับ
เรื่องการดูแลสุขภาพในแนวทางของแพทย์ทางเลือกในเรื่องหนึ่งว่าเป็นเรื่องหลอกลวง
ถามว่าผมได้เคยอ่านกระทู้ดังกล่าวบ้างหรือไม่
ผมตอบว่าผมได้อ่านกระทู้นั้นแล้ว
เพื่อนถามผมต่อไปว่าผมเห็นว่าอย่างไร
ผมตอบว่าเจ้าของกระทู้ไม่มีประสบการณ์ในเรื่องดังกล่าว และยังเข้าใจผิดหลายอย่าง

เพื่อนถามผมต่อไปว่าแล้วผมได้เข้าไปตอบและอธิบายในกระทู้นั้นหรือไม่
ผมตอบว่าผมไม่ได้เข้าไปตอบและอธิบายในกระทู้นั้น



เพื่อนถามผมต่อไปว่าแล้วทำไมผมจึงไม่เข้าไปตอบและอธิบายในกระทู้นั้น
ถ้าเจ้าของกระทู้เขาเข้าใจผิดจริง ๆ ผมก็ควรต้องเข้าไปอธิบายสิ
ผมตอบว่าประเด็นในกระทู้มีหลายเรื่องและต้องใช้เวลาอธิบายเยอะมาก

โดยหากจะให้ผมนำเวลาเยอะ ๆ ในชีวิตผมไปใช้อธิบายให้กับคนที่ไม่สนใจแล้ว
ผมขอเลือกนำเวลาไปทำประโยชน์สอนและอธิบายให้กับคนที่เขาสนใจจริง ๆ จะดีกว่า
เพราะแม้ขนาดบางคนที่สนใจนั้น ผมยังไม่มีเวลาเพียงพอที่จะไปช่วยอธิบายเลย
ผมก็ต้องเลือกที่จะจัดสรรเวลาในชีวิตผมให้ดี ไม่ใช่ว่าจะใช้พร่ำเพรื่อไปทั่ว


เพื่อนก็ยังยืนยันนะครับว่าถ้าผมรู้ว่าคนอื่นเขาเข้าใจผิด ผมก็ควรต้องไปอธิบายให้เขาเข้าใจ
ผมจึงถามเพื่อนว่าเขานับถือศาสนาพุทธหรือเปล่า

เพื่อนตอบว่าเขานับถือศาสนาพุทธ
ผมจึงอธิบายต่อไปว่า ในคำสอนของพระพุทธเจ้านั้น มีอยู่พระสูตรหนึ่งเล่าว่า
ในสมัยหนึ่ง มีชาวบ้านนายหนึ่งไปเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วได้ทูลถามว่า

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเกื้อกูลอนุเคราะห์สัตว์ทั่วหน้าอยู่มิใช่หรือ
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า เป็นเช่นนั้น ตถาคตเกื้อกูลอนุเคราะห์สัตว์ทั่วหน้าอยู่
ชาวบ้านนายนี้ทูลถามต่อไปว่า เมื่อเช่นนั้น เพราะเหตุไร
พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงทรงแสดงธรรมโดยเคารพแก่คนบางพวก
ไม่ทรงแสดงธรรมโดยเคารพเหมือนอย่างนั้นแก่คนบางพวก


พระพุทธเจ้าตรัสอธิบายว่า ดูกร นายคามณี ถ้าอย่างนั้น เราจักทวนถามท่านถึงในข้อนี้
ปัญหาควรแก่ท่านด้วยประการใด ท่านพึงพยากรณ์ปัญหานั้นด้วยประการนั้น
ดูกร นายคามณี ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน
นาของคฤหบดีชาวนาในโลกนี้มีอยู่ ๓ ชนิด คือ ชนิดหนึ่งเป็นนาดี
ชนิดหนึ่งเป็นนาปานกลาง ชนิดหนึ่งเป็นนาเลวมีดินเหลว เค็ม พื้นดินเลว
ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน
คฤหบดีชาวนาต้องการจะหว่านพืช จะพึงหว่านในนาไหนก่อนเล่า


ชาวบ้านนายนี้ทูลตอบว่า คฤหบดีชาวนาต้องการจะหว่านพืช พึงหว่านพืชในนาดีก่อน
ครั้นหว่านในนานั้นแล้ว พึงหว่านในนาปานกลาง
ครั้นหว่านในนาปานกลางนั้นแล้ว ในนาเลว มีดินเหลว เค็ม พื้นดินเลว พึงหว่านบ้างไม่หว่านบ้าง
ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะที่สุดจักเป็นอาหารโค


พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอธิบายต่อไปว่า ดูกร นายคามณี เปรียบเหมือนนาดีฉันใด
เราย่อมแสดงธรรมอันงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด
ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์ บริบูรณ์สิ้นเชิง
แก่ภิกษุและภิกษุณีของเราเหล่านั้น (ก่อน) ฉันนั้น
ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะภิกษุและภิกษุณีเหล่านี้ มีเราเป็นที่พึ่ง
มีเราเป็นที่เร้น มีเราเป็นที่ต้านทาน มีเราเป็นสรณะอยู่
ดูกร นายคามณี นาเลว มีดินเหลว เค็ม พื้นดินเลวฉันใด
เราย่อมแสดงธรรมอันงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด
ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์ บริบูรณ์สิ้นเชิง
แก่อัญเดียรถีย์ สมณะ พราหมณ์ และปริพาชกของเราเหล่านั้น (ในที่สุด) ฉันนั้น
ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะอัญเดียรถีย์ สมณะ พราหมณ์ และปริพาชกจะพึงรู้ธรรมแม้บทเดียว
ความรู้ของเขานั้นพึงเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขแก่เขาสิ้นกาลนาน


ดูกร นายคามณี บุรุษมีขวดน้ำ ๓ ใบคือ
ขวดน้ำใบหนึ่งไม่มีรูรั่ว ใส่น้ำไม่ได้ เจ้าของไม่ใช้
ใบหนึ่งไม่มีรูรั่ว ใส่น้ำได้ เจ้าของใช้
ใบหนึ่งมีรูรั่ว ใส่น้ำได้ เจ้าของใช้
ดูกร นายคามณี ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน
บุรุษคนโน้นต้องการจะกรอกน้ำใส่ พึงกรอกน้ำใส่ในขวดไม่มีรูรั่ว ใส่น้ำไม่ได้ เจ้าของไม่ใช้
หรือขวดน้ำไม่มีรูรั่ว ใส่น้ำได้ เจ้าของใช้
หรือขวดน้ำที่มีรูรั่ว ใส่น้ำได้ เจ้าของใช้ก่อน


ชาวบ้านนายนี้ทูลตอบว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ บุรุษคนโน้นต้องการจะกรอกน้ำใส่
พึงกรอกน้ำใส่ในขวดน้ำไม่มีรูรั่ว ใส่น้ำไม่ได้ เจ้าของไม่ใช้
แล้วพึงกรอกน้ำใส่ในขวดน้ำไม่มีรูรั่ว ใส่น้ำได้ เจ้าของใช้
แล้วพึงกรอกน้ำใส่ในขวดน้ำมีรูรั่ว ใส่น้ำได้ เจ้าของใช้บ้าง ไม่กรอกใส่บ้าง
ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะที่สุดจักเป็นน้ำสำหรับล้างสิ่งของ


พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอธิบายต่อไปว่า ดูกร นายคามณี
ขวดน้ำไม่มีรูรั่ว ใส่น้ำไม่ได้ เจ้าของไม่ใช้ฉันใด

เราย่อมแสดงธรรมอันงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด
ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์ บริบูรณ์สิ้นเชิง
แก่ภิกษุและภิกษุณีของเราเหล่านั้น ฉันนั้น
ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะภิกษุและภิกษุณีเหล่านี้ มีเราเป็นที่พึ่ง
มีเราเป็นที่เร้น มีเราเป็นที่ต้านทาน มีเราเป็นสรณะอยู่
ดูกร นายคามณี ขวดน้ำไม่มีรูรั่ว ใส่น้ำได้ เจ้าของใช้ ฉันใด
เราย่อมแสดงธรรมอันงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด
ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์ บริบูรณ์สิ้นเชิง
แก่อุบาสกและอุบาสิกาของเราเหล่านั้น (เป็นที่สอง) ฉันนั้น
ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะอุบาสกและอุบาสิกาเหล่านี้ มีเราเป็นที่พึ่ง
มีเราเป็นที่เร้น มีเราเป็นที่ต้านทาน มีเราเป็นสรณะอยู่
ดูกร นายคามณี ขวดน้ำมีรูรั่ว ใส่น้ำได้ ทั้งเจ้าของใช้ ฉันใด
เราย่อมแสดงธรรมอันงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด
ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์ บริบูรณ์สิ้นเชิง
แก่อัญเดียรถีย์ สมณะ พราหมณ์ และปริพาชกของเราเหล่านั้น (ในที่สุด) ฉันนั้น
ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะแม้อัญเดียรถีย์ สมณะ พราหมณ์ และปริพาชก
จะพึงรู้ทั่วถึงธรรมนั้นแม้บทเดียว ความรู้นั้นก็พึงเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขแก่เขาสิ้นกาลนาน


ชาวบ้านนายนี้ได้ฟังถึงตรงนี้แล้ว จึงได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระธรรมเทศนาของพระองค์แจ่มแจ้งนัก
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงประกาศธรรมโดยอเนกปริยาย ดุจหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด
บอกทางให้แก่คนหลงทาง หรือส่องไฟในที่มืดด้วยหวังว่า คนมีจักษุจักเห็นรูปได้ ฉันนั้น
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ขอถึงพระผู้มีพระภาคเจ้า กับทั้งพระธรรมและภิกษุสงฆ์ว่าเป็นสรณะ
ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าโปรดทรงจำข้าพระองค์ว่าเป็น
อุบาสกผู้ถึงรัตนตรัยเป็นสรณะจนตลอดชีวิต ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
(เทศนาสูตร พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค)
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=18&A=7970&Z=8037


ผมไม่ได้เล่าให้เพื่อนฟังละเอียดดังที่เขียนในบทความนี้นะครับ
โดยก็เพียงเล่าให้ฟังย่อ ๆ เพียงเท่าที่พอจำความได้เท่านั้น
เมื่อเพื่อนได้ฟังแล้วก็ตอบว่า ไม่เกี่ยวกัน นั่นเป็นเรื่องธรรมะ แต่นี่เรากำลังคุยเรื่องวิทยาศาสตร์

ผมอธิบายว่าเป็นเรื่องเดียวกัน คือเรื่องการจัดสรรใช้เวลาชีวิตของคนเราว่าควรจะใช้อย่างไร
ไม่ใช่ว่าจะใช้เวลาพร่ำเพรื่อไปเถียงกับเขาไปทั่ว
อย่างสมมุติว่ามีคนมาโพสต์ลงกระทู้ในเว็บบอร์ดว่าสวรรค์นรกไม่มีจริง พระพุทธเจ้าไม่มีจริง
เรื่องกรรมและผลแห่งกรรมไม่มีจริง ผมก็คงไม่เสียเวลาไปอธิบายให้เขาเชื่อหรอกครับ
เพราะชีวิตผมไม่ได้มีเวลาเหลือเฟือขนาดนั้น งานประจำเราก็มาก งานดูแลครอบครัวก็มี
งานจิตอาสาหลายอย่างก็เยอะ และต้องจัดสรรแบ่งเวลามาศึกษาและปฏิบัติส่วนตัวด้วย
เราไม่มีเวลาไปนั่งถกเถียงอะไรพร่ำเพรื่อหรอก


อธิบายถึงขนาดนี้แล้ว เพื่อนก็ยังยืนยันความเห็นเดิมนะครับว่าผมต้องไปเถียงในกระทู้ด้วย
ผมจึงบอกเพื่อนว่า โอเค อยากจะให้อธิบายใช่ไหม ผมจะอธิบายให้เพื่อนฟังตอนนี้เลย
ซึ่งผมขอเวลาสัก ๓ – ๔ ชั่วโมงที่จะอธิบายให้เพื่อนฟัง
โดยเราจะหาร้านอาหารสักแห่งหนึ่งแถวนั้นไปนั่งกัน และผมจะอธิบายให้เขาฟัง
เพื่อนตอบผมว่าเขาไม่มีเวลาขนาดนั้น และเขาต้องไปทำธุระอื่น ๆ อีก

ผมจึงตอบว่า ทีตัวเขาเองบอกว่าไม่มีเวลามาฟังผม
แต่พอผมบอกว่าไม่มีเวลาไปอธิบายในกระทู้ เพื่อนกลับบอกว่า ไม่ได้นะ ผมต้องไปอธิบาย
เช่นนี้ มันเป็นเหตุเป็นผลที่สอดคล้องกันหรือเปล่า
อย่างนี้ผมจะบอกบ้างได้ไหมว่า ไม่ได้นะ เพื่อนต้องมาฟังผมอธิบาย
เขาฟังแล้วก็บอกว่า เขามีธุระจริง ๆ เขาไม่มีเวลา
ผมก็บอกเหมือนกันว่า ผมก็มีธุระเหมือนกัน และผมไม่ได้ว่างที่จะไปเที่ยวคุยพร่ำเพรื่อ
คุยถึงตรงนี้แล้ว เพื่อนก็เสียงอ่อนลงนิดหน่อยนะครับ แต่ก็ไม่ได้ยอมรับอะไร
ซึ่งผมก็รู้สึกว่าใช้เวลามาพอสมควรแล้ว เราก็คุยเรื่องอื่นนิดหน่อย แล้วก็แยกย้ายกัน


ในเรื่องนี้ ผมก็นำมายกตัวอย่างให้ท่านผู้อ่านได้ทราบนะครับว่า
เวลาชีวิตของเรานั้นมีจำกัด ในหลาย ๆ ครั้งที่เราพบเจอคนอื่น ๆ ที่มีความเห็นแตกต่างจากเรา
กรณีไม่ได้จำเป็นว่าเราจะต้องกระโจนไปถกเถียงกับเขาทุกครั้งไป
เพราะชีวิตเราก็มีหน้าที่ที่สำคัญหลายอย่างที่ต้องรับผิดชอบให้ดี
ในขณะที่การเข้าไปถกเถียงกับเขาบางครั้ง นอกจากจะไม่ได้ช่วยให้เกิดประโยชน์ใด ๆ แล้ว
ยังกลับจะทำให้เสียเวลาโดยไม่จำเป็น และสร้างความทะเลาะเบาะแว้งมากยิ่งขึ้นอีกด้วย


ถ้าเราจะต้องใช้เวลาชีวิตเราไปอธิบายสอนอะไรแก่ใครแล้ว
ก็ควรจะใช้เวลาไปเพื่อสอนอธิบายคนที่เขาสนใจ และเข้าใจได้ ก็จะได้ประโยชน์มากกว่า
เสมือนชาวนาหว่านข้าวลงในดินดี ก็จะได้ข้าวเจริญงอกงาม

แต่หากไปหว่านลงบนพื้นคอนกรีตแล้ว ข้าวก็ไม่โต และเราก็เสียเมล็ดพันธุ์ข้าวฟรี ๆ นะครับ




แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP