ธรรมะจากพระสูตร Dhamma from Sutta
มัลลิกาสูตร ว่าด้วยพระนางมัลลิกา
กลุ่มไตรปิฎกสิกขา
[๓๔๖] สมัยหนึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ณพระวิหารเชตวัน
อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีใกล้กรุงสาวัตถี.
สมัยนั้นพระเจ้าปเสนทิโกศลกับพระนางมัลลิการาชเทวี
ได้ประทับณปราสาทอันประเสริฐชั้นบน
ครั้งนั้นแลพระเจ้าปเสนทิโกศลได้ตรัสกับพระนางมัลลิการาชเทวีว่า
มัลลิกาคนซึ่งเป็นที่รักยิ่งกว่าตนของเธอมีบ้างไหม?
พระนางมัลลิกาได้ทูลตอบว่า
ข้าแต่มหาราชเจ้าคนอื่นซึ่งเป็นที่รักยิ่งกว่าตนของหม่อมฉันไม่มีดอก
คนอื่นซึ่งเป็นที่รักยิ่งกว่าตนของพระองค์มีบ้างหรือ?
พระเจ้าปเสนทิโกศลตรัสว่าแน่ะมัลลิกาคนซึ่งเป็นที่รักยิ่งกว่าตนของฉัน ไม่มีเลย.
[๓๔๗] ต่อมาพระเจ้าปเสนทิโกศลเสด็จลงจากปราสาท เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า
ถวายบังคมแล้ว ประทับนั่งณที่สมควรข้างหนึ่ง
พระเจ้าปเสนทิโกศลได้ทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่าข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
วันนี้ข้าพระองค์ได้อยู่ที่ปราสาทอันประเสริฐชั้นบนกับพระนางมัลลิการาชเทวี
ได้พูดกับพระนางมัลลิการาชเทวีว่า
มัลลิกาคนอื่นซึ่งเป็นที่รักยิ่งกว่าตนของเธอมีบ้างไหม
เมื่อข้าพระองค์ถามอย่างนี้ พระนางมัลลิการาชเทวีได้ตอบว่า
ข้าแต่มหาราชเจ้าคนอื่นซึ่งเป็นที่รักยิ่งกว่าตนของหม่อมฉันไม่มีดอก
คนอื่นซึ่งเป็นที่รักยิ่งกว่าตนของพระองค์มีบ้างไหม
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญข้าพระองค์ได้พูดกับพระนางมัลลิการาชเทวีว่า
แน่ะมัลลิกาคนซึ่งเป็นที่รักยิ่งกว่าตนของฉันไม่มีเหมือนกัน.
[๓๔๘] ครั้งนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบเนื้อความนั้นแล้ว
จึงได้ตรัสพระคาถานี้ในเวลานั้นว่า
บุคคลตั้งใจค้นหาตลอดทุกทิศ ก็ไม่พบใครซึ่งเป็นที่รักยิ่งกว่าตนในที่ไหน ๆ เลย
สัตว์ทั้งหลายเหล่าอื่นก็รักตนมากเช่นนั้นเหมือนกัน
เพราะฉะนั้นผู้รักตนจึงไม่ควรเบียดเบียนผู้อื่น.
มัลลิกาสูตร จบ
(มัลลิกาสูตร พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย เล่มที่ ๒๔)
< Prev | Next > |
---|