วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

กรงไฟ ๔๑


 
cover_krongfire

 

นวนิยายเรื่องนี้ เขียนขึ้นเพื่อความบันเทิง
หากมีชื่อ-สกุล เรื่องราวใดพ้องกับบุคคลจริง ต้องกราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
 

 

ชลนิล

 

(ต่อจากฉบับที่แล้ว)

 

ตูม...เสียงระเบิดดังกึกก้องกลางอู่ต่อรถทัวร์บริษัททรัพย์ยั่งยืนก่อให้เกิดความโกลาหล วุ่นวายขนาดหนัก ผู้คนวิ่งหนีกระเจิดกระเจิง เปลวไฟลุกท่วมอาคาร ลามติดน้ำมัน เครื่องจักร ชิ้นส่วนรถที่ยังประกอบไม่เสร็จ

ความวุ่นวายปั่นป่วนแทบทำให้เกิดกลียุคย่อยๆ ยังดีที่มีคนงานไม่มาก อู่ไม่ได้อยู่ในเขตชุมชน ไม่เช่นนั้น มันคงเป็นโศกนาฏกรรมอันน่าสยดสยองฉากหนึ่งทีเดียว

ไกลออกไปจากอู่ต่อรถทัวร์ มีชายฉกรรจ์คนหนึ่งยืนดูภาพวิบัติโกลาหลด้วยดวงตาสาสมใจรอยยิ้มเยาะผุดที่มุมปาก

เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหมายเลขคุ้นเคย...ตึ้ด...เสียงเรียกดังครั้งเดียวก็มีคนรับสาย

“ว่าไง” คำถามเรียบสั้น

“เรียบร้อยพี่ส่ง”

“ดี” คำชมนี้เป็นทั้งคำตอบในตัว

“ให้ผมทำยังไงต่อ” ฝ่ายโทรศัพท์ออกปากถาม

“กลับไปได้เลย” 

“ไม่ให้ผมไปช่วยทางโน้นเหรอพี่” 

“ไม่ต้อง ทางนี้เตรียมคนพร้อมแล้ว เอ็งรีบหลบไปได้เลยอย่าให้ใครสงสัย” 

“ครับ” 

สัญญาณโทรศัพท์ขาดหาย...สัญญาณอันตรายเพิ่งเริ่มต้น...สัญญาณมรณะกำลังคืบคลาน...

...สงครามชี้ชะตากำลังจะเกิดขึ้น...

 

 

 

 

บทที่ ๓๑

 

สุขศจีเพิ่งตรวจงานในโรงแรมเสร็จเรียบร้อย ดูว่าพี่ชายวางยาอะไรก่อนเดินทางหรือไม่ ปรากฏว่าลักษณ์เคลียร์ทุกอย่างเรียบร้อย จัดระบบลงตัว คนที่มารับงานต่อสบายใจ ไม่มีปัญหา

หลิงทำตัวเป็นบอดี้การ์ดหล่อน ทั้งที่เขามีความรู้เรื่องธุรกิจไม่น้อย ช่วงเวลาที่ทั้งคู่ศึกษางานทั้งหมด เขาก็วางแผนเชื่อมโยงธุรกิจของหล่อนเข้ากับธุรกิจทางฮ่องกง ทำให้มันเป็นธุรกิจข้ามชาติถูกกฎหมาย ลบภาพมาเฟียที่ติดตัวออกไป แม้จะมีบางงานต้องหลบซ่อนบ้าง แต่มันก็ไม่เป็นที่สะดุดตานัก

ทั้งสองวางโครงการธุรกิจไว้สวยหรู สามารถทำได้จริง สร้างผลประโยชน์เม็ดเงินมากกว่าเดิมทวีคูณ 

ลูกน้องของหลิงถูกวางตัวเข้าดูแลกิจการทรัพย์ยั่งยืนสิริไพศาลอย่างเป็นระบบ มีความรู้ความสามารถจริง ไม่ใช่แค่นักเลงตีรันฟันแทง สุขศจีรู้สึกว่าตนทำถูกต้องแล้วที่ยึดอำนาจครอบครัวเช่นนี้ ผลของมันจะปรากฏเป็นรายได้ให้เห็นในไม่ช้า 

ถ้าหากว่า...ไม่เกิดเรื่องบางอย่างขึ้นก่อน

“อะไรนะ...อู่ต่อรถโดนระเบิด” สุขศจีฟังข่าวจากโทรศัพท์อย่างงุนงง นึกไม่ออก ใครจะมีความกล้าขนาดนี้

“เรื่องเป็นยังไง” หลิงดึงโทรศัพท์จากมือหล่อนไปพูดเสียเอง

ฝ่ายที่แจ้งข่าวรีบรายงานรวบรัด ชัดเจน ตอบข้อซักถามโดยละเอียด ไม่ให้อีกฝ่ายเกิดความขัดเคืองใจ

หลิงวางหูโทรศัพท์ ดวงตาทอประกายกล้า หันไปสั่งลูกน้อง

“เตรียมรถ จัดคนไปดูที่อู่ ระวังโดนดักเล่นงานกลางทาง”

สุขศจีไม่เข้าใจคำสั่งนั้น

“เราไม่ไปด้วยหรือหลิง” หล่อนต้องการไปดูความเสียหาย

“ไม่จำเป็น รอฟังข่าวที่บ้านก็ได้” หลิงอ่านสถานการณ์ละเอียด รอบคอบ เขาเห็นว่าการที่อู่โดนระเบิด น่าจะเป็นการวางแผนล่อเสือออกจากถ้ำ หากตามไปดูความเสียหายที่นั่น จะมีโอกาสถูกดักเล่นงานกลางทาง ต้องกลับเข้าถ้ำ วางแผนรับมือ

บ้านทรัพย์ยั่งยืนสิริไพศาลเป็นปราการชั้นดี ที่ฝ่ายตรงข้ามคาดไม่ถึงว่าพวกเขาจะรีบถอยมาตั้งรับแทนการบุกไปข้างหน้า

สุขศจีตามความคิดเขาไม่ทัน แต่ยอมเชื่อถือไม่คัดค้าน หลิงมีประสบการณ์กับเรื่องพวกนี้มากกว่า ควรให้เขาตัดสินใจ

รถจอดรอไว้พร้อมมีคนขับองครักษ์เต็มที่ หลิงกวาดสายตามองรอบตัวก่อนให้สุขศจีขึ้นรถ

“บอกพวกที่ไปอู่ ให้ระวังตัวมากๆ มันดักเล่นงานกลางทางแน่” หลิงย้ำกับลูกน้อง ถึงจะมั่นใจว่ามีการดักเล่นงาน เขายังส่งคนเสี่ยงตายแทน เพราะต้องการลากตัวการวางระเบิดออกมาให้ได้

รถแล่นออกจากโรงแรม สุขศจีสังเกตเห็นความเคร่งเครียดของคนใกล้ตัว หลิงมีรังสีอำมหิตพร้อมจะแผดเผาทำลายทุกคนที่กล้าเป็นศัตรูกับเขา

“คิดออกมั้ยว่าใครกล้าวางระเบิดอู่” หลิงถาม

“ไม่รู้” สุขศจีพยายามคิดแล้ว แต่นึกไม่ออกว่าใครจะมีความกล้าสามารถขนาดนี้

“พี่ชายคุณหรือเปล่า” หลิงหมายถึงลักษณ์

“เฮียลักษณ์เหรอ” สุขศจีครุ่นคิด “ไม่น่าเป็นไปได้ ถึงเฮียแกจะไม่พอใจแค่ไหนก็ไม่มีทางทำลายสมบัติที่แม่สร้างมาหรอก”

“ก็ไม่แน่” หลิงมองอีกมุม “เมื่อเขารู้ว่าจะไม่ได้ ก็อาจทำให้คนอื่นไม่ได้ด้วย”

“เฮียลักษณ์ไม่ใช่คนประเภทนั้น” สุขศจีค้าน “อีกอย่างแกไม่มีปัญญาจะจ้างมือวางระเบิดได้หรอก ถ้าเป็นเฮียรามค่อยน่าเชื่อหน่อย”

รามกับลักษณ์สองพี่น้องคนละขั้ว รามเหยียบโลกมืด ต้องการก้าวสู่โลกสว่างด้วยการเป็นนักการเมือง ส่วนลักษณ์อยู่ในโลกธุรกิจคนธรรมดาที่ไม่อยากย่างกรายเข้าสู่โลกมืดเด็ดขาด

“มันก็ไม่แน่ พี่ชายคุณเป็นคนฉลาด เขาไม่มีวันเชื่อเด็ดขาด ว่าเราจะปล่อยให้เขาลอยนวลทั้งที่รู้ความลับเรามากขนาดนี้”

คำพูดของหลิงชัดตรง ที่จริงแผนการเก็บลักษณ์ถูกวางเรียบร้อยแล้ว รอแค่เวลาให้เรื่องของรามซาอีกหน่อย หาแพะรับบาปคนใหม่ได้ ถึงตอนนั้นต่อให้ลักษณ์อยู่อเมริกาก็หนีไม่พ้น

หลังจากลักษณ์ตาย สมุทรและครอบครัวคือเหยื่อรายสุดท้าย

“ถ้าเป็นเฮียลักษณ์จริง เราจะจัดการยังไง ส่งคนไปเก็บที่กรุงเทพฯดีมั้ย” สุขศจีถามจิตใจวูบไหวเล็กๆ

“เขาจะยังอยู่รอให้เราเก็บหรือ” หลิงพูดเยาะ ขณะเดียวกันโทรศัพท์ส่วนตัวก็ดังขึ้น

“ว่ายังไง” หลิงรับสายพูดสั้นๆ

เสียงจากปลายสายรายงานรวบรัด ดวงตาหลิงวาวโรจน์ดุจสัตว์ป่ายามโทสะกล้า

“ใครโทรมา” สุขศจีถาม “ใช่คนที่เราให้ตามประกบเฮียหรือเปล่า”

หลิงสั่งให้คนคอยตามประกบลักษณ์กับสมุทรตลอดเวลา อีกทั้งยังต้องรายงานข่าวความเคลื่อนไหวมาเป็นระยะ แสดงให้เห็นว่าเขาไม่เคยไว้ใจพี่ๆ ภรรยาเลย

“ใช่” ตอบห้วนสั้น ตามด้วยเสียงกร้าว “มันบอกว่าพี่ชายคุณหายตัวไปแล้ว”

สุขศจีสะดุ้งวาบ คาดไม่ถึงจะเกิดเรื่องนี้

“เป็นไปได้ยังไง ยายรุ้งก็ยังอยู่ในเมืองนี้ เฮียแกไม่มีทางทิ้งลูกสาวเอาตัวรอดแน่”

“เรื่องอะไรก็ช่างมันเถอะ” หลิงพูดเท่านี้ ก่อนยกหูโทรศัพท์กดหมายเลขลูกน้องที่คุ้นเคย

“จับลูกสาวของลักษณ์ไปที่บ้านทรัพย์ยั่งยืนสิริไพศาลเดี๋ยวนี้”

สิ้นคำสั่ง รถก็แล่นมาถึงหน้าประตูบ้านทรัพย์ยั่งยืนสิริไพศาล สุขศจีไม่รู้สึกรู้สมต่อคำสั่งจับหลานสาวตัวเอง นับตั้งแต่อยู่กับชายคนนี้ จิตใจหล่อนแข็งกระด้าง ไม่เห็นชีวิตคนอื่นมีค่ามากกว่าชีวิตตัวเอง ไม่เห็นคุณธรรมมีค่ามากกว่าอำนาจ บารมี

ลักษณ์หายตัวไปตามคำเตือนของบุญส่ง ทำให้เขารอดจากการถูก “อุ้ม” แต่ก็ทำให้หลิง สุขศจีคิดว่าการระเบิดอู่เป็นฝีมือของลักษณ์ จนลืมนึกถึงบุญส่ง...มือขวาของราม ผู้มีความสามารถทำงานประเภทนี้อย่างช่ำชอง

คำเตือนของบุญส่ง...หวังดี...หรือต้องการหาแพะ...ล่อเสือให้หลงทาง...

ไม่ใช่แค่ลักษณ์ สมุทรเท่านั้นที่ถูกจับตามอง กระทั่งรุ่งรตี เกตุ ลูกของสมุทรก็อยู่ในข่ายจับตามองทั้งสิ้น ลูกน้องหลิงพร้อม “อุ้ม” คนเหล่านี้ได้ทุกเมื่อ ทันทีที่ได้รับคำสั่ง

รุ่งรตีจะเป็นเช่นไร 

 

 

เย็นย่ำ รุ่งรตีจัดกระเป๋าเสื้อผ้าเรียบร้อยเตรียมเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เชนรับหน้าที่เป็นโชเฟอร์ขับรถไปส่งถึงคอนโดฯที่กรุงเทพฯ ถ้าลักษณ์ไม่ว่าอะไร เขาอาจนอนค้างที่นั่น รอส่งหญิงสาวขึ้นเครื่องบินวันพรุ่งนี้ด้วย

คุณจิตใส นายพลทางธรรมพร้อมใจกันส่งหญิงสาวที่บ้าน ไม่เห็นความจำเป็นที่จะไปส่งถึงสนามบิน

“ดูแลตัวเองดีๆ นะลูก” คุณจิตใสกล่าวอำลา

“อย่าลืมคำสอนของท่านอาจารย์ล่ะ” ท่านนายพลเตือน

“ค่ะ...ขอบคุณ คุณลุงคุณป้ามากๆ เลย...ไปถึงที่นั่นเมื่อไหร่รุ้งจะเมลมาคุยทุกวันให้พี่เชนปริ๊นต์ให้อ่านนะคะ” หญิงสาวตอบรับน้ำเสียงสดใส

สองผู้เฒ่ายิ้มรับ ถึงจะไม่เข้าใจวิทยาการสมัยใหม่นัก แต่ก็พอเข้าใจความหมาย

“จ้ะ...แล้วป้าจะให้เชนเขียนตอบ...แทนลุงกับป้าแล้วกัน”

คุณจิตใสบอก

เป็นการจากลาด้วยรอยยิ้ม อบอุ่น มีความรู้สึกดีๆ แก่กัน รุ่งรตีน้ำตาคลอเป็นสุข ผูกพัน บอกกับตนเองว่า...อีกไม่นาน...ต้องหาทางกลับมาที่นี่ให้ได้

เชนประจำที่คนขับ รอจนหญิงสาวร่ำลาพ่อแม่เขาเสร็จ ขึ้นรถ จึงสตาร์ทเครื่อง ถอยหลังออกจากบ้าน...แต่ทว่า...

...พรืด...พรืด...

“รถเป็นอะไรน่ะเชน” นายพลทางธรรมเดินทางเคาะกระจกถาม

เชนกดปุ่มกระจกลงตอบ

“ไม่ทราบสิครับพ่อ เครื่องยนต์ก็ติด เบรกมือก็ไม่ได้ค้าง”

“ไหน ลองเช็คดูอีกที...เข้าเกียร์ใหม่ ถอยอีกครั้ง” ผู้เป็นบิดาแนะนำ

...พรืด...รถขยับได้ แต่เห็นชัดว่า...ล้อข้างหนึ่งไม่หมุน...

“ล้อไม่หมุนนี่เชน” คุณจิตใสสังเกตเห็น

“เป็นไปได้ยังไงครับแม่ ผมไม่ได้เข้าเบรกมือค้างไว้นะ” พูดจบก็ลงจากรถ

รุ่งรตีลงตามมา มองดูสภาพรถ งุนงง สงสัย

“เอ...รถพี่เชนแกล้งเก ไม่ยอมไปส่งรุ้งหรือเปล่านี่”

คำพูดเชิงเล่นของหญิงสาวทำให้คุณจิตใสและสามีได้สติ สำรวมจิตตั้งมั่น เป็นกลาง “มอง”

สิ่งที่กระทบสัมผัสใจ เป็นกระแสอันหนักแน่น อ่อนโยน...กระแสของกุศล...อำนาจบุญหยุดรถคันนี้ไว้... 

จะมีอะไรเกิดขึ้น...หากเชนขับรถไปส่งรุ่งรตี...อุบัติเหตุ หรือร้ายแรงกว่านั้น

ทั้งสองสัมผัสจิตลึกลงไปเท่าที่สามารถจะรู้ได้...คำตอบที่กลับมา...คือ...มีม่านอกุศลแผ่ห้อมล้อมรุ่งรตี...กระแสกรรมเก่าของหล่อนกำลังจะส่งผล...ส่งแบบใดยากจะรู้...ส่วนเชนมีกำลังบุญกุศลที่สร้างสมมาตลอดชีวิต เป็นกำแพงแก้วห้อมล้อมตัว การที่เขาขับรถไปส่งรุ่งรตี กำแพงบุญนั้นก็โอบล้อมหล่อนด้วยกระแสกรรมเกื้อกูลกัน จึงทำให้ล้อรถข้างหนึ่งดื้อดึง ไม่ยอมหมุน

“สงสัยรุ้งต้องใช้บริการทรัพย์ยั่งยืนทัวร์เข้ากรุงเทพฯ แล้วล่ะ” รุ่งรตีพูดทีเล่นทีจริง

“อย่า...” คุณจิตใสพลั้งปากแล้วระลึกได้ว่าตนกำลังขวางกระแสอกุศลผู้อื่น

“อ้าว...แล้วรุ้งจะไปยังไงล่ะคะ อย่าบอกนะว่าให้ขอรถอาจีไปส่ง” รุ่งรตีขี้เกียจไปวุ่นวายกับอาสาว

“พรุ่งนี้ค่อยไปดีกว่า” นายพลทางธรรมบอกสั้นๆ

“ไม่ได้หรอกค่ะคุณลุง ขืนไปพรุ่งนี้ก็ขึ้นเครื่องไม่ทัน เดี๋ยวพ่อโทรมาด่าเอา”

“งั้นให้พ่อเราขับรถมารับ” คุณจิตใสตัดสินใจ ถึงอย่างไรหล่อนก็เป็นปุถุชน ไม่อาจวางใจเป็นอุเบกขา เห็นหลานสาวรับกรรมต่อหน้าโดยไม่หาทางช่วยได้

“ก็ได้ค่ะ” รุ่งรตีไม่คิดมาก หยิบโทรศัพท์ขึ้น โทรหาบิดา ปรากฏว่าแบตเตอรี่หมด

“อ้าว...แบตฯหมดตั้งแต่เมื่อไหร่นี่...มิน่าล่ะวันนี้ถึงปลอดโปร่งเงียบทั้งวัน...พ่อโทรมาเร่งกลับกรุงเทพฯ ไม่ได้”

รุ่งรตีพูดด้วยอารมณ์ขัน

คราวนี้เชนเป็นฝ่ายสงสัย มองหน้าบิดามารดาแล้วรู้ว่า ท่านทั้งสองคงเห็นอะไรบางอย่างที่เป็นเรื่องบอกไม่ได้ จึงพยายามหาทางช่วยรุ่งรตี

“เอาอย่างนี้มั้ยรุ้ง เดี๋ยวพี่จะลองเช็ครถอีกทีว่ามันมีปัญหาอะไรแน่ ถ้าซ่อมไม่ได้จริงๆ พี่จะยืมรถเพื่อนพาไปส่ง...ตอนนี้รุ้งเอาโทรศัพท์ของพี่ โทรไปบอกน้าลักษณ์ก่อน แกจะได้ไม่เป็นห่วง”

“เอาอย่างนั้นก็ได้” รุ่งรตียิ้มพลางรับโทรศัพท์มาจากเชน แต่ก็โทรไม่ติด

“สงสัยพ่อปิดโทรศัพท์มั้ง...ช่วงนี้เป็นบ่อย” หล่อนบ่น

คุณจิตใส นายพลทางธรรมระบายลมหายใจแผ่ว ช่วยเท่าที่ช่วยได้ ที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของวิบากฝ่ายดี ฝ่ายชั่วเขาทำงานกันเอง

ขณะที่ทั้งสองค่อยวางใจเป็นกลางทีละน้อย จู่ๆ ก็มีรถตู้ทหารมาจอดหน้าบ้าน ผู้ที่ลงมาเป็นนายพลระดับคุมกำลัง นายทหารรุ่นน้องนายพลทางธรรม ตามมาด้วยกลุ่มทหารผู้ติดตามอีกหลายคน

“สวัสดีครับพี่ธรรม พี่จิต เผอิญผมกับพวกน้องๆ ผ่านมาทางนี้ เกิดคิดถึงพี่ขึ้นมา เลยแวะมาเยี่ยม ไม่ทราบว่ารบกวนหรือเปล่า”

นายพลทางธรรมยิ้มรับ

“ไม่กวนหรอก...เข้ามาสิ”

“งั้นพวกผมไม่เกรงใจล่ะพี่” นายทหารระดับสูงเข้ามาในบ้าน พร้อมกลุ่มนายทหารคนสนิทซึ่งมองแต่ไกลเห็นเป็นสีเขียวครึดไปหมด...บ้านของเชนเลยคึกคักด้วยแขกไม่ได้นัดหมายโดยปริยาย

สิ่งบางอย่างที่เกิดขึ้นตอนนี้ เหมือนเรื่องบังเอิญเสียเหลือเกิน ผู้ที่มองในแง่กรรมวิบากเช่นสองสามีภรรยาย่อมเข้าใจ มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน 

นี่คือการทำงานของกรรม

อกุศลเก่าของรุ่งรตีคืบคลานมาใกล้ กุศลใหม่ของหล่อนที่ได้คบกัลยาณมิตร อยู่ร่วมกับคนดี เดินทางสายกุศลก็กำลังส่งผลเช่นกัน ต่างฝ่ายต่างทำงานของตน...ตามกำลังแห่งเหตุที่ได้สร้างมา... 

ห่างออกไปคนละฟากถนนมีสายตาจ้องมองมายังบ้านคุณจิตใส ด้วยความอึดอัด แค้นเคือง เขาได้รับคำสั่งให้จับรุ่งรตีไปบ้านทรัพย์ยั่งยืนสิริไพศาล...แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถทำได้ แรกทีเดียวตั้งใจรอให้หล่อนนั่งรถออกจากบ้านหลังนั้นก่อนค่อยดักจับระหว่างทาง พอเห็นว่าไม่ยอมออกมาสักที ก็เตรียมบุกเข้าไปจับตัวมาดื้อๆ...ไม่นึกเกรง...เพราะทั้งบ้านมีคนหนุ่มคนเดียว ที่เหลือเป็นคนแก่กับผู้หญิง

พอกำลังจะทำตามแผนสอง กลับมีรถตู้ทหารมาจอดหน้าบ้าน ที่ลงมาก็เป็นทหารในเครื่องแบบตัวจริงหลายคน พวกเขาประมาณแล้ว ขืนบุ่มบ่ามไปจะเป็นผลร้ายมากกว่าดี ทำงานไม่สำเร็จแน่นอน จำเป็นต้องรอ...โดยไม่รู้ว่าต้องรอคอยจนถึงเมื่อไหร่... 

 

 

บ้านทรัพย์ยั่งยืนสิริไพศาลเป็นปราการแน่นหนา มั่นคง หลิงวางกำลังคนเป็นจุด เตรียมพร้อม ตรวจตรารอบคอบ ไม่ยอมให้มีสิ่งแปลกปลอมหลุดมาได้ เวรระวังสอดส่อง อาวุธครบมือ ทำสงครามได้ทุกเมื่อ

หลิงกับสุขศจีอยู่ในจุดปลอดภัยที่สุด เป็นไข่แดง ล้อมรอบด้วยลูกสมุนฝีมือดี ทั้งคู่ไม่หวาดหวั่นมั่นใจการเตรียมพร้อม ศักยภาพของตัวเอง แน่ใจ ฝ่ายตรงข้ามไม่กล้าบุก

หลิงโทรศัพท์ถามลูกน้องที่ส่งไปอู่ต่อรถ คิดว่าน่าจะถึงที่หมายแล้ว

“เป็นยังไงบ้าง” หลิงถามเมื่อมีการรับสาย

“คุมไฟได้แล้วครับ แต่พังไปเยอะเหมือนกัน” เสียงคนตอบไม่ได้บอกว่าผ่านเหตุการณ์ตื่นเต้นอะไร

“คนของเราเป็นยังไงบ้าง”

“ปลอดภัยดีครับ บาดเจ็บแค่เล็กๆ น้อยๆ” คำตอบผิดคาด

“ไม่มีใครดักจู่โจมกลางทางหรือ” หลิงถาม

“ไม่มีครับ”

คำตอบลูกน้องทำให้หลิงคิดสองทาง...อย่างแรก...ศัตรูต้องการข่มขวัญ...ตีโฉบฉวยแล้วหนี อีกอย่างคือ...ล่อซ้ายจู่โจมขวา...ทำเป็นระเบิดอู่ ที่แท้มีจุดมุ่งหมายสำคัญกว่า

จุดหมายนั้นอยู่ที่ไหน? หลิงครุ่นคิดชั่วแวบ คำตอบก็มาทันที ไม่ยอมให้เสียเวลา 

โครม...เสียงดังสนั่นสะเทือนที่ประตูบ้านทรัพย์ยั่งยืนสิริไพศาล

หลิง...สุขศจีลุกพรวด...เกิดอะไรขึ้น... 

สมุนฝีมือดีคนหนึ่งรีบออกไปดูเพื่อกลับมารายงาน ส่วนที่เหลือเตรียมพร้อมป้องกันเจ้านาย

“จี...คุณหลบไปก่อน” หลิงสั่งพร้อมกับยัดปืนใส่มือหล่อน

“ได้” สุขศจีตอบรับทั้งที่ใจหวั่น ต่อให้แกร่งแค่ไหน ก็ยังไม่เคยเผชิญกับการจู่โจมแบบสงครามเช่นนี้

ตูม...ตูม...ตูม...เสียงระเบิดดังรอบบ้าน เสียงปืนตอบโต้ยิงกราดฝ่ายตรงข้ามพร้อมรบเต็มอัตราศึก หลิงมีใบหน้ากระด้าง เย็นชา คนอย่างเขาผ่านการต่อสู้มาไม่น้อย นี่ก็แค่สนามหนึ่งที่เขาต้องชนะมันเท่านั้นเอง 

 

 

โครม...แรกคือ รถสิบล้อคันใหญ่พุ่งชนประตูบ้านทรัพย์ยั่งยืนสิริไพศาลจนพังราบ แล่นสู่ใจกลางบ้านด้วยความเร็ว เหมือนยักษ์ตาบอดพุ่งไปข้างหน้าโดยไม่สนใจทิศทาง

ปัง...ปัง...ปัง...กระสุนปืนกระหน่ำใส่รถสิบล้อไม่ยั้ง ยางถูกยิงจนยุบ มันก็ยังไม่หยุดตะบึงพุ่งตรงตัวบ้าน ตั้งใจทะลุถึงภายใน

ตูม...ตูม...ตูม...ระเบิดโยนข้ามมาจากนอกกำแพงโดยรอบ ทำเอาเหล่าสมุนที่ซุ่มระวังแตกกระเจิดกระเจิงทั้งบาดเจ็บทั้งตาย ยากจะนับ

โครม...สิบล้อพุ่งเข้าชนประตูบ้านและจอดคาอย่างนั้น คนขับรีบกระโดดหลบออกมา วิ่งลัดเลาะหลบห่ากระสุน หาที่กำบังได้สำเร็จ

บรึ้ม...ระเบิดเวลาบนรถสิบล้อทำงาน แรงระเบิดเล่นเอาส่วนหน้าบ้านทรัพย์ยั่งยืนสิริไพศาลหายไปเป็นแถบ เผยให้เห็นรูโหว่ขนาดใหญ่ มีเสียงคนร้องโอดโอย บาดเจ็บอยู่ภายใน

เท่านั้นยังไม่พอ...ปุ...ปุ...ปุ...เสียงดังทึบๆ ก่อนระเบิดแก๊สน้ำตาจะยิงเข้าตัวบ้านม่านควันหนาแน่นลอยคละคลุ้ง คนที่ทนไม่ไหวต่างวิ่งออกมาเป็นเป้ากระสุน ให้คนด้านนอกยิงเล่นตามใจ

เปรี้ยง...เปรี้ยง...ปัง...ปัง...

การจู่โจมครั้งนี้รวดเร็ว รุนแรง หนักหน่วง ขนาดฝ่ายตั้งรับเตรียมพร้อมอย่างดีก็ยังราพณาสูร ไม่อาจตอบโต้ได้แม้แต่น้อย

มันชวนให้นึกสงสัย บ้านของเชนไม่มีการระวังป้องกันอะไรเลย แต่สมุนที่หลิงสั่งให้ไปจับตัวรุ่งรตีกลับไม่สามารถทำอะไรได้ ส่วนบ้านทรัพย์ยั่งยืนสิริไพศาลมีการระวังป้องกันเข้มงวด รู้ล่วงหน้าจะโดนจู่โจม ทำไมถึงไม่อาจต้านรับได้เลย 

มองตามตำราพิชัยยุทธ...พวกของหลิงเตรียมตั้งรับก็จริง แต่ไม่รู้จักศัตรู...ไม่รู้จะถูกโจมตีด้วยอาวุธหนักติดต่อกันขนาดนี้...รู้เราไม่รู้เขา...รบร้อยครั้งชนะห้าสิบ แพ้ห้าสิบ

ถ้ามองในแง่กรรมวิบาก...บ้านของเชนมีเกราะกรรมดีคุ้มภัย ต่อให้มีคนปองร้าย ถ้าอกุศลไม่หนักนัก กำแพงบุญหนาแน่นพอ ก็ยังไม่มีใครทำอะไรได้...ส่วนบ้านทรัพย์ยั่งยืนสิริไพศาลนั้น...หลิงกับสุขศจีไม่มีเกราะแห่งบุญ จะมีก็แต่ทะเลบาป ที่ดึงดูดสิ่งร้ายเข้ามาหาตัว น้ำหนักอกุศลถ่วงให้จมดิ่งไม่มีอำนาจกุศลฉุดรั้ง ย่อมพาให้ถึงกาลวิบัติรวดเร็ว

หรือถ้ามองกันง่ายๆ...ฝ่ายตรงข้ามหลิง สุขศจีคือบุญส่ง...

บุญส่งอาฆาตแค้นคนทั้งสองเข้ากระดูก ยอมทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อโค่นอำนาจ สร้างความหายนะตอบแทนที่คนเหล่านี้ทำกับนายของตน

บุญส่งเป็นมือขวาของราม ย่ำอยู่บนดงนักเลงมานานปี บารมีพอตัว ต่อให้รามตายไม่มีคนคุ้มหัว ก็ยังได้อำนาจเงินจากศรีนวล ส่งมาเต็มที่เพื่อการแก้แค้น

มีเงินก็มีอำนาจ บารมี สามารถหาอาวุธร้ายแรง หาคนมีฝีมือระดับหัวกะทิมาทำงานได้ บุญส่งวางแผนม้วนเดียวจบ ลุยยาวไม่ปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามตั้งตัววางแผนตีโต้ ทุ่มเททุกอย่างที่มีประเคนใส่ชนิดยอมถวายหัว...ตายเป็นตาย...

...คนกล้าจะตาย...ย่อมทำอะไรที่คนทั่วไปคาดไม่ถึงเสมอ...

บุญส่งเวลานี้เป็นเช่นนั้น เขาวางแผนละเอียดรอบคอบ เตรียมการพร้อมพรัก ทุ่มคนเต็มที่อาวุธไม่อั้น ต้องปิดบัญชีแทนนายเก่าให้ได้ภายในครั้งเดียว

...ถ้าไม่สำเร็จ...ยอมตาย...

 

 

(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)


 



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP