ดังตฤณวิสัชนา Dungtrin's Answer

ให้ด้วยรักอย่างไรจึงจะไม่ทุกข์



ถาม - ถ้าความรักของเราคือการให้ แต่คนที่เรารักเขาเป็นฝ่ายรับอยู่ข้างเดียวโดยไม่ให้กลับมาเลย เราจะต้องฝึกอย่างไรจึงจะไม่ทุกข์คะ

ความรักที่จะไม่ก่อให้เกิดทุกข์
จะต้องเป็นความรักในลักษณะที่จิตใจมีการเปิด มีการแผ่
มีกระแสของความสุขรินออกมาก่อน รินนำออกมาก่อน ไม่ใช่ฝืนใจให้ความรัก

การฝืนใจให้ความรักเป็นลักษณะหนึ่งของคนที่มีความคาดหวังอยู่
มีความคาดหมายว่าความรักที่ให้ออกไปจะต้องได้รับการสนองตอบกลับมา
แต่ความรักในลักษณะของเมตตาแบบพุทธ
จะเป็นความรักในลักษณะของการ... สังเกตที่ใจก็แล้วกัน
การเปิดออกไปแผ่ออกไป รินความสุขออกไป
โดยไม่ได้หวังว่าจะให้จิตมันม้วนกลับคืนมา
ลองสังเกตนะ ถ้าหากว่าคุณมีความสุขอยู่
อาจจะจากการสวดมนต์ อาจจะจากการใส่บาตรพระ หรือว่าอาจจะไปสงเคราะห์เด็กนะ
ลักษณะของจิตมันจะมีการแผ่ออกไปแล้วไม่ม้วนกลับ
มันมีการแผ่ มันมีการขยายออกไป
ปราศจากการที่เราจะมีความรู้สึกดึงคืนกลับมา


แต่ถ้าหากว่าเราเกี่ยวข้องกับคนในครอบครัว
จะเป็นพ่อแม่พี่น้อง หรือว่าจะเป็นแฟน หรือว่าจะเป็นเพื่อนสนิท อะไรก็แล้วแต่
ความรักที่เราให้ออกไป มันจะเป็นลักษณะของการแผ่ออกไป
แล้วม้วนกลับมาเหมือนกับบูมเมอแรงนะ
ถ้าหากว่าเรามอบความรักให้ใครไป ลักษณะของใจมันจะไม่เปิดออกไปแบบเต็มร้อย
มันจะมีลักษณะครึ่งๆ กลางๆ ด้วยความรู้สึกคาดหวัง
หรือด้วยความรู้สึกว่าถ้าเราให้เขาไปแค่นี้ เขาจะเห็นกำลังใจของเราที่ให้เขาไปไหม
หรือว่าถ้าให้เขาไปแล้วเขาจะเหลิงไหม
หรือว่าให้เขาไปแล้ว เขาจะเกิดความรู้สึกว่าเรายอมเขาทุกอย่าง เสียเปรียบไปทุกอย่าง
แล้วเขาจะต้องเป็นฝ่ายได้เปรียบ อะไรต่อมิอะไรต่างๆ นานานะครับ
ลักษณะของความคิดหรือว่าจิตที่เพ่งเล็งในการได้คืน
เป็นลักษณะของจิตที่ให้ความรักไม่เต็มที่ ให้ไปแค่ครึ่งเดียว
อีกครึ่งหนึ่งมีความคาดหวังในการรักตอบ

เพราะฉะนั้นวิธีฝึกนะครับง่ายๆ เลย สังเกตเล็งเข้าไปที่กระแสของใจนี่แหละ
เวลาที่ให้อะไรกับใครไปหรือว่าเรานิยามความรู้สึกของเราว่าเป็นความรัก
ความรักชนิดนั้นมันให้อออกไปแค่ครึ่งๆ กลางๆ หรือว่าแผ่ออกไปแบบไม่มีประมาณ
สังเกตได้ง่ายๆ เลยนะตอนที่แผ่ออกไปแบบไม่มีประมาณ
ใจมันจะสบายแล้วไม่ติดค้าง
มันจะรู้สึกว่าให้ไปแล้ว ไม่นึกถึงหน้าของผู้รับ ไม่นึกถึงผลตอบแทนที่เราจะได้รับกลับมา
แม้กระทั่งความรักที่เท่ากัน หรือว่าจะเป็นความผูกมัดอะไรก็แล้วแต่
ใจมันจะไม่เล็งอยู่ที่หน้าของเขา
แต่ใจของเราจะอยู่กับความรู้สึกทางใจ
กระแสทางใจที่มันออกไปแล้วมันมีความสุขจริงๆ
นั่นน่ะลักษณะของจิตแบบนั้น เป็นจิตของผู้ที่แผ่เมตตาเป็น


ผู้ที่แผ่เมตตาเป็น ก่อนอื่นก็ต้องมีทุน
ทุนคือการทำทาน รู้จักให้ทานโดยไม่หวังผลตอบแทน
เรียกว่ารู้จักในการให้เปล่า

ยกตัวอย่างที่ง่ายที่สุด ถ้าหากว่าเราเคยเห็นหมาแมวน่าสงสาร
เออ แล้วเรามีอาหาร เศษอาหาร มีน่องไก่ มีอะไรที่เรากินทิ้งๆ ขว้างๆ แล้วนะ แล้วอยากให้มัน
นี่เรียกว่าให้เปล่า ใจในลักษณะนั้นพอให้เสร็จนะ จะไม่นึกถึงหมา ไม่นึกถึงแมว
แต่มันจะนึกถึงแต่ความสุขความอิ่มที่ใจของเรา มันกำลังเต็มตื้นอยู่นะครับ ลองสังเกตดูก็แล้วกัน

ถ้าหากว่าช่วงแรกๆ ยังทำไม่ได้ ไม่ต้องฝืนนะ
ไม่ต้องไปพยายามสร้างกระแสของความรู้สึกเมตตาอย่างไม่มีประมาณขึ้นมา
แต่ให้หัดสังเกต สังเกตไปนะครับ
ซึ่งวิธีสังเกตก็ต้องใช้ของจริง ต้องออกไปให้ของจริงนะ
จะเป็นหมาเป็นแมว หรือว่าจะเป็นเด็กอนาถา จะเป็นสถานสงเคราะห์คนชรา
หรือว่าแม้กระทั่งจะเป็นวัดที่เรารู้สึกว่า เออ ไม่มีชื่อเสียง แต่เราอยากไป
เพราะว่าอยากให้พระได้มีของขบฉัน ของใช้ ปัจจัย ๔ เพราะว่าไม่ค่อยมีใครมาถวายกัน
อะไรแบบนี้นี่นะคือแบบที่เป็นลักษณะจิตให้เปล่านะครับ
แล้วลักษณะจิตให้เปล่านี่จะสาธิตให้คุณได้เห็นตัวอย่างของจิต
ที่มีเมตตาแบบแผ่ไปแล้วไม่ม้วนคืนกลับมานะครับ



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP